โรคหัดระบาดทั่วโลก UN เตือนอย่าไว้วางใจเป็นอันเด็ดขาด

องค์การ UNICEF เตือนทุกประเทศร่วมต้านโรคหัดระบาด : ภาพจาก unicef.org

3 มี.ค. 2019 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กของสหประชาชาติได้ออกมาเตือนถึงความขัดแย้ง, ความใจเย็นและการเคลื่อนไหวต่อต้านการฉีดวัคซีนจะทำลายความพยายามทำงานเพื่อสยบโรคหัดที่ดำเนินมาด้วยดีในตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีประเทศเพียง 10 ประเทศมีผู้ป่วยโรคหัดเป็นจำนวนถึง 3 ใน 4 ของโลก ในจำนวนนี้รวมถึงประเทศที่ร่ำรวยอย่างฝรั่งเศส

นาง Henrietta Fore ผู้อำนวยการบริหารขององค์การ UNICEF (องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ) กล่าวว่า “การระบาดไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงแค่ข้ามชั่วคืน แต่มันเกิดขึ้นตลอดปี 2018 หากขาดการรับมือกับมันในวันนี้หายนะอาจจะเกิดขึ้นกับเด็กในวันพรุ่งนี้”

เธอกล่าวว่า โรคหัดเป็นโรคติดต่อที่ลุกลามมากกว่าวัณโรคและอีโบล่า แต่มันสามารถป้องกันได้อย่างเด่นชัดด้วยการฉีดวัคซีนที่เสียค่าใช้จ่ายไม่มากนัก

แต่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า การระบาดของโรคหัดในปี 2018 ได้เพิ่มขึ้นถึง 50% และคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไป ถึง 136,000 คน

ยูเครน, ฟิลิปปินส์และบราซิลเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ในยูเครนมีผู้ป่วยเพิ่มจากไม่ถึง 5,000 คนในปี 2017 เป็น 35,120 คนในปี 2018

บราซิลเพิ่มจากไม่มีผู้ติดเชื้อเลยในปี 2017 เป็น 10,261 คนในปี 2018 และฟิลิปปินส์เพิ่มจาก 2,407 คนในปี 2017 มาเป็น 15,559 คนในปีที่ผ่านมา

แต่เมื่อนำผู้ป่วยโรคหัดท็อป 10 ประเทศมาเปรียบเทียบพบว่าในปี 2017 อยู่ในสัดส่วน 10% ของผู้ป่วยจาก 98 ประเทศทั่วโลกที่ส่งรายงานมายังองค์การอนามัยโลก แต่ในปี 2018 ทั้ง 10 ประเทศมีผู้ป่วยอยู่ในสัดส่วน 75% ของผู้ป่วยจากทั่วโลก

วัคซีนป้องกันโรคหัดและโรคหัดเยอรมัน : ภาพจาก who.int ขององค์การอนามัยโลก

สำหรับประเทศที่มีอัตราส่วนของผู้ป่วยโรคหัดในปีที่ผ่านมาในอัตราสูงประกอบด้วยยูเครน (822 คนต่อประชากรหนึ่งล้านคน) ตามด้วยเซอร์เบีย (618), อัลบาเนีย (481), ไลบีเลีย (412), จอร์เจีย (398), เยเมน (328), มอนเตนิโกร (323) และกรีก (227)

ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างฝรั่งเศสที่ประสบปัญหาความไม่สงบและความขัดแย้งในประเทศได้เพิ่มขึ้นถึง 2,269 รายในปีที่ผ่านมา, ประเทศสหรัฐได้เพิ่มขึ้นจาก 120 คนเป็น 791 คนหรือเพิ่มขึ้นถึง 559%

นอกจากนั้นยังมีประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคหัดในระดับสูงในปี 2018 เมื่อเทียบกับปี 2017 ก็คือเวเนซูเอลา (เพิ่มขึ้น 4,916 รายหรือ 676%), เซอร์เบีย (เพิ่มขึ้น 4,355 รายหรือ 620%), มาดากาสกา (เพิ่มขึ้น 4,307 รายหรือเพิ่มขึ้น 5,127%), ซูดาน (เพิ่มขึ้น 3,496 รายหรือ 526%) และประเทศไทยเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 2,758 รายหรือ 136%)

ในทางกลับกันก็มีประเทศที่มีผู้ป่วยโรคหัดลดลงในปีที่ผ่านมาคือโรมาเนียลดลงจาก 8,673 คนลงเหลือ 943 คนหรือลดลง 89%, อินโดนีเซียลดจาก 11,389 คนเหลือ 3,995 คนหรือลดลง 65%

นอกจากนั้นยังมีไนจีเรีย, ปากีสถาน, อิตาลีและจีนลดลงประมาณ 55%

สำหรับประเทศออสเตรเลียมีอัตราผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขในทุกรัฐให้การคุมเข้มผู้ป่วยและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการในพื้นที่ที่ผู้ป่วยไปเยือนก่อนออกอาการป่วย (ตามที่จิงโจ้นิวส์เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ท่านสามารถอ่านข่าวย้อนหลังได้ด้วยการกดคลิก “โรคหัดระบาด” ที่ Tags ท้ายข่าวนี้)

ผู้ป่วยโรคหัดในออสเตรเลียส่วนใหญ่ไปติดเชื้อมาในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , ,

Leave a Reply

Discover more from jingjonews

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading