ข่าวออนไลน์นสพ. The Age วันที่ 26 ก.พ. 2021 เสนอข่าวสาวมาเลย์แพ้อุทธรณ์คดีข่มขู่เอาเงิน 1,000 เหรียญจากสองสามีภรรยาเพื่อแลกกับโทรศัพท์บันทึกรูปถ่ายของบุตรสาวที่เพิ่งเสียชีวิต

27 ก.พ. 2021 วันนี้จิงโจ้นิวส์มีเวลาเหลือแต่เป็นวันที่ไม่ค่อยมีข่าวน่าสนใจ จึงขออนุญาตนำข่าวคดีสาวมาเลเซียแพ้อุทธรณ์ขอลดโทษจำคดีแบล็กเมล์สองสามีภรรยาผู้กำลังโศกเศร้าจากการเสียบุตร

ในคดีนี้นาย Jay และนาง Deanne Windross กำลังอุ้มด.ญ. Amiyah วัย 11 เดือนผู้มีอาการป่วยทางสภาพระบบประสาท (neurological condition) ขั้นสุดท้ายเพื่อเป็นการสั่งลาในเดือนเมษายนปี 2019 เป็นช่วงเวลาที่นาง Siti Nurhidayah Kamal ส่งข้อความ SMS มาข่มขู่เอาเงิน 1,000 เหรียญเพื่อแลกกับโทรศัพท์มือถือที่บันทึกภาพของ Amiyah หลายร้อยภาพที่นาง Windross บันทึกไว้แต่ได้ทำโทรศัพท์หายไป

อันที่จริงนาง Kamal ไม่มีโทรศัพท์ที่หายไปของนาง Windross แต่เธอสมอ้างว่ามี หลังได้อ่านข่าวนาง Windross ได้ออกมาอ้อนวอนขอร้องให้ผู้พบโทรศัทพ์ที่บันทึกรูปภาพของบุตรสาวที่กำลังเสียชีวิตนำโทรศัพท์มาคืน เพื่อเธอและสามีจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ

โดยเธอลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำที่ศูนย์การค้า Chadstone Shopping Centre ย่าน Chadstone เขต City of Monash นครเมลเบิร์น

แต่นาง Kamal วัย 26 ปีเกิดความโลภและเห็นช่องทางสะดวกในการได้เงินจึงติดต่อกับนาง Windross อ้างว่าเธอมีโทรศัพท์ดังกล่าวอยู่ในมือและต้องการเงิน 1,000 เหรียญเป็นการแลกเปลี่ยน

หลังจาก Amiyah เสียชีวิตนาง Kamal ยังคงส่งข้อความ SMS มาอีกกว่า 90 ครั้ง ตอนนั้นสองสามีภรรยาเชื่อว่าเธอมีโทรศัพท์มือถือจริง แต่ต่อมาค้นพบว่าเธอไม่มีโทรศัพท์และประสงค์จะติดต่อมาเพื่อข่มขู่เอาเงิน

เมื่อปีที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นเคาน์ตี้ได้ตัดสินจำคุกนาง Kamal เป็นเวลา 3 ปีและสั่งให้ทำงานรับใช้ชุมชนเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่เธอจะได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวอย่างมีทัณฑ์บน

ในเดือนนี้นาง Kamal ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินโดยอ้างว่าศาลเคาน์ตี้ลงโทษเธอรุนแรงเกินไปอย่างเห็นได้ชัด และกล่าวหาผู้พิพากษาผู้ตัดสินลงโทษเธออยู่ภายใต้ความครอบงำของความรู้สึกทางศีลธรรมแห่งอาชญากรรม (preoccupied with the moral characteristics of the crime)

ทนายของนาง Kamal อ้างว่า ผู้พิพากษาหญิง Liz Gaynor ในขณะตัดสินได้กล่าวถึงจำเลยว่าเป็นคน “ผิดศิลธรรม” (amoral) โดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบการตัดสินลงโทษ

พร้อมขอความเมตตาต่อศาล เนื่องจากนาง Kamal ก็มีบุตรสองคนที่ต้องเลี้ยงดู ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของตาและยายในมาเลเซีย

ในวันพฤหัสฯที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์โดยผู้พิพากษาหญิง Anne Ferguson และผู้พิพากษา Stephen McLeish ได้ตัดสินยืนตามศาลเคาน์ตี้ โดยอ้างว่าการก่ออาชญากรรมของนาง Kamal เป็นเรื่องน่าประณาม, ฉวยโอกาสและโหดร้าย พร้อมเห็นว่าคำตัดสินของผู้พิพากษา Gaynor ไม่ได้รุนแรงเกินไป ต่อการตัดสินให้จำเลยมีความผิดในระดับสูง

การที่ผู้พิพากษากล่าวถึงจำเลยว่า “ผิดศิลธรรม” จึงถือว่าไม่ใช่ความผิดพลาดในการลงความเห็น

หลังจากนาง Kamal รับใช้กรรมในคุกเสร็จสิ้นแล้ว เธอจะได้รับการเนรเทศกลับประเทศมาเลเซียทันที โดยไม่ต้องทำงานรับใช้่ชุมชน

เป็นที่เข้าใจว่าเมื่อเธอกลับถึงประเทศมาเลเซีย เธอมีโอกาสสูงที่จะถูกดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชน จากการขายตั๋วผี Air Asia ก่อนที่เธอจะหลบหนีมาออสเตรเลีย

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชนโดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์

Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: ข่าวรัฐวิกตอเรีย, ข่าวออสซี่, ข่าวออสเตรเลีย, ข่าวอาชญากรรม, คดีขู่กรรโชกทรัพย์, คดีนาง Siti Nurhidayah Kamal, ประเทศออสเตรเลีย, มาเลเซีย, รัฐวิกตอเรีย, ออสเตรเลีย