สาวไทยแกร่งยืนหยัดใช้ชีวิตปกติหลังป่วยกาฬหลังแอ่นต้องถูกตัดขาและนิ้วมือ

น.ส.จุติมา ชินศรีเป็นนางแบบเองในธุรกิจแฟชั่นแบรนด์ Dolled Up ของเธอ

16 ธ.ค. 2020 ตามที่จิงโจ้นิวส์เคยเสนอข่าวในหัวข้อ “สาวซิดนีย์คิดว่าเป็นไข้หวัดที่แท้กาฬหลังแอ่น ตื่นมาอีกทีถูกตัดขาและนิ้ว” ลงวันที่ 11 มีนาคม 2019 ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2020 หนังสือพิมพ์ The Daily Mail ได้รายงานข่าวเพิ่มเติมถึงจิตใจอันแข็งแกร่งของเธอที่จะดำเนินชีวิตอย่างคนปกติกับความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักธุรกิจด้านแฟชั่น

จิงโจ้นิวส์เสนอข่าวในหัวข้อ “สาวซิดนีย์คิดว่าเป็นไข้หวัดที่แท้กาฬหลังแอ่น ตื่นมาอีกทีถูกตัดขาและนิ้ว” ลงวันที่ 11 มีนาคม 2019

น.ส. จุติมา ชินศรี (Juttima Chinnasri) ในขณะอายุ 28 ปีเธอได้เข้านอนแต่หัวค่ำขอวันหนึ่งในเดือนตุลาคมปี 2018 ด้วยอาการไม่สบายซึ่งเธอคิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เมื่อตื่นมาในตอนเช้าของวันใหม่เธอพบว่าร่างกายของเธอเต็มไปด้วยตุ่มและผื่นม่วงคล้ำ จึงถูกรีบนำส่งโรงพยาบาล St George Hospital ย่าน Kogarah ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์

ต่อมาแพทย์ยืนยันว่าเธอติดเชื้อกาฬหลังแอ่นชนิด B (meningococcal B) เชื้อแบคทีเรียร้ายแรงที่คุกคามเข้าสู่ระบบร่างกายของเธอและกระแสเลือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เธอถูกทำให้อยู่ในอาการหลับลึก (induced coma) เป็นเวลา 10 วัน เพื่อแพทย์พยายามช่วยชีวิตของเธอ แม้จะช่วยชีวิตเธอ แต่คณะแพท์ก็ไม่สามารถรักษาขาส่วนต่ำกว่าเข่าและนิ้วมือจากข้อกลางขึ้นไปไว้ได้

เธอต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อให้อาการหายเป็นปกติพร้อมกับการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ที่จะต้องนั่งรถเข็นและเตรียมพร้อมที่จะกลับมาเดินเหินได้อีกครั้งด้วยขาเทียม

ส่วนหนึ่งของภาพประกอบข่าวเรื่องราวของน.ส.จุติมา ชินศรี โปรดสังเกตภาพล่างขวาสุดนิ้วมือของเธอเป็นสีคล้ำ ทำให้แพทย์ต้องตัดสินใจตัดทิ้งเพื่อรักษาชีวิตของเธอไว้ : ภาพจาก google image

หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมาน.ส.จุติมาได้โพสต์เรื่องราวของเธอผ่าน Tik Tok เปิดเผยถึงภาพต่าง ๆ ของเธอทั้งก่อนและหลังป่วย

รวมถึงภาพถ่ายคู่กับอดีตแฟนหนุ่มที่เธอบรรยายว่า “ฉันเมื่อก่อนปี 2018 กับคนที่เคยคบกันมายาวนานกว่า 5 ปี แต่มันไม่ยั่งยืน ทำให้รักของฉันเหลือศูนย์”

เธอได้โพสต์ภาพต่าง ๆ ในขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ที่เธอจะต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุดเพื่อกลับมาสู้ชีวิตใหม่ จากนั้นหัวใจที่น่ากราบของเธอก็เกิดขึ้น

ภาพต่อ ๆ มาเป็นภาพของน.ส.จุติมาใส่ขาเทียมเดินที่ชายหาด, ขณะออกกำลังกายที่โรงยิม, สวมเสื้อถ่วงน้ำหนัก (weighted suit) 10 กก.ออกกำลังที่บ้าน, ออกกำลังกายด้วยการเดินขึ้นลงบันได และภาพของเธอกำลังยุ่งอยู่กับการนำเสื้อผ้าสำหรับธุรกิจของเธอออกจากกล่อง

ภาพน.ส.จุติมา ชินศรีสวมเสื้อถ่วงน้ำหนัก 10 กก.ขณะออกกำลังกายภายในห้องนอนของเธอ : ภาพจิงโจ้นิวส์แค็ปจากคลิปวิดีโอที่เธอเผยแพร่ลงในยูทูป itsjutima

เธอกล่าวว่า “นี่คือฉันหลังจากชีวิตได้รับประสบการณ์ผันผวน และฉันได้กลับมาทุ่มเทในเรื่องของฉันอีกครั้ง”

“ตอนนี้ฉันมีความรักให้กับตัวเองอย่างไม่มีข้อจำกัดและฉันเข้มแข็งที่สุดกว่าที่เคยเป็นมา”

น.ส.จุติมาได้เริ่มธุรกิจแฟชั่นภายใต้แบรนด์ Dolled Up ร่วมกับหุ้นส่วนในปี 2015 โดยทำงานไปในขณะเรียนเต็มเวลา (น่าจะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ UTS) จนถึงช่วงที่เธอล้มป่วย

หลังจากออกจากโรงพยาบาลเธอได้กลับมาอยู่กับมารดาที่บ้านในย่าน Kogarah ชีวิตตอนนั้นเธอรู้สึกกดดัน, หดหู่, ไม่มั่นคงและประสบความยุ่งยากในการฟื้นฟูร่างกาย

ด้วยกำลังใจจากคนในครอบครัวและคนรอบกาย เธอเริ่มต้นจากการเติมเต็มความเข้มแข็งด้านสุขภาพจิต เริ่มคิดบวก เริ่มเรียนรู้ถึงร่างกายใหม่ของเธอ และเริ่มนึกถึงเรื่องที่เธอจะใช้ประสบการณ์ของเธอในการช่วยเหลือผู้อื่น

เธอคิดว่าเธอจะต้องรักษาธุรกิจ DOLLED UP CO. ของเธอให้ดำเนินต่อไป เพื่อเธอจะได้นำสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงอื่น ๆ รู้สึกถึงความอัศจรรย์

น.ส.จุติมากล่าวว่า เธอรู้ดีว่าการกลับมาโดยไม่มีขาและนิ้วมือมันเป็นเรื่องยาก แต่เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอยังคงอยู่กับมันในบางเหตุผล

เธอต้องการให้เรื่องราวของเธอและ DOLLED UP CO. เป็นกรณีศึกษาและให้กำลังใจกับผู้หญิงทั้งหลายได้หยุดกังวลว่าใครจะคิดอย่างไรกับพวกเธอ แต่ให้ยึดปฏิบัติต่อการรักตัวเอง มั่นดูแลสุขภาพและรักษาร่างกายของตนให้ดูดีเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณก็สามารถสวยได้ในหนทางที่คุณเป็น

ภาพของน.ส.จุติมา ชินศรีเป็นการตอกย้ำคำพูดของเธอว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณก็สามารถสวยได้ในหนทางที่คุณเป็น”

ท่านสามารถติดตามเรื่องราวของเธอได้โดยผ่านยูทูป itsjutima และอุตหนุนสินค้าของเธอด้วยการเข้าไปที่ DOLLED UP CO. ครับ

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวคนไทยในออสเตรเลีย, ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: