กรณีสาวซาอุถูกกักตัวในกรุงเทพฯเกมพลิกเพราะได้ทวิตเตอร์เป็นพระเอกตัวจริง

ข่าวออนไลน์จากสำนักข่าว SBS วันที่ 9 ม.ค. 2019 ในภาพน.ส. Rahaf Mohammed al-Qunun เดินออกมาด้วยใบหน้าผ่อนคลายกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (คนขวามือ)

9 ม.ค. 2019 กรณีของน.ส. Rahaf Mohammed al-Qunun สาวซาอุวัย 18 ปีที่ถูกกักตัวอยู่ในกรุงเทพฯน่าจะจบลงด้วยดี เพราะขณะนี้ทางการไทยได้ปล่อยให้เธอไปอยู่ในความดูแลของ UNHCR หน่วยงานทางด้านผู้ลี้ภัยขององค์การสหประชาชาติเรียบร้อยแล้ว หลังจากเธอถูกกักตัวอยู่ในห้องภายในโรงแรมที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากการถูกส่งตัวกลับในครั้งนี้ก็คือสื่อสังคมออนไลน์ที่เธอส่งจากโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกและออกมาสนับสนุนเธอ หาไม่แล้วเธอคงถูกส่งตัวกลับไปเผชิญชะตากรรมถึงขั้นเสียชีวิตในประเทศซาอุดิอาระเบีย

หลังจากอยู่ในความดูแลของ UNHCR เรียบร้อยแล้วน.ส. al-Qunun ได้โพสต์ข้อความว่า “ทวิตเตอร์ทำให้เกมเปลี่ยนจากที่เขาต้องการให้เป็น” คำว่าเขานั้นเธอหมายถึงนาย Abdulilah al-Shouaibi อุปทูตสถานทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทยที่ถูกบันทึกวิดีโอในขณะผู้กับล่ามแปลภาษาในระหว่างที่ประชุมกับทีมงานตำรวจของไทยโดยมีคำพูดตอนหนึ่งว่า “มันจะเป็นการดีกว่านี้ ถ้าพวกเขายึดโทรศัพท์มือถือแทนทีจะเป็นหนังสือเดินทาง เพราะทวิตเตอร์มันได้เปลี่ยนทุกอย่าง”

คำว่าพวกเขาได้ถูกสื่อฯต่างประเทศบางสำนักตีความว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของไทย (ซึ่งอาจไม่ถูกต้องเพราะจากปากคำของน.ส. al-Qunun ระบุว่าผู้ที่แย่งหนังสือเดินทางของเธอก็คือเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดิอาระเบีย)

ข่าวออนไลน์ของนสพ. The Daily Mail วันที่ 9 ม.ค. 2018 เสนอข่าวอุปทูต (ตามภาพซ้ายมือ) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไทยควรยึดโทรศัพท์มือถือของน.ส. Rahaf al-Qunun มากกว่าหนังสือเดินทาง มิฉะนั้นเกมนี้จะไม่มีวันพลิกเด็ดขาด

พล.ต.ท. Surachate Hakparn (สุรเชษฐ์ หักพาล) ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวในวันที่ 8 มกราคมว่าบิดาและพี่ชาย (หรือน้องชาย) ของน.ส. al-Qunun ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยพร้อมกับแจ้งความจำนงว่าพวกเขาต้องการพบบุตรสาว แต่ได้รับการบอกกล่าวว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องรอให้ UNHCR อนุมัติก่อนจึงจะอนุญาตให้พบเธอได้

ทางด้านโฆษกของกระทรวงกิจการภายในประเทศของออสเตรเลียได้ออกมากล่าวว่า จะพิจารณาออกวีซ่าด้านมนุษยธรรมแก่น.ส. al-Qunun อย่าง “รอบครอบ” หาก UNHCR ประเมินว่าเธอมีสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัยแท้จริง

และในวันนี้ ( 9 มกราคม) นาย Peter Dutton รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศออกมากล่าวว่า จะพิจารณารับน.ส. al-Qunun เป็นผู้ลี้ภัยตามขั้นตอนปกติ โดยเธอจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ

นาง Rahda Stirling ทนายความด้านสิทธิมุษยชนซึ่งมีฐานอยู่ในนครดูไบกล่าวว่า วัยรุ่นสาวได้ละเมิดกฎหมายของซาอุดิอาระเบียด้วยการเดินทางโดยไม่มีผู้ปกครองที่เป็นชายติดตาม, นอกจากนั้นเธอยังมาละเมิดและดูหมิ่น (violations and insulting) ประเทศและศาสนา (น่าจะเป็นเพราะเธอทำให้ประเทศเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการเป็นข่าวดังไปทั่วโลกกับการประกาศละทิ้งศาสนาอิสลาม) ทำให้เธอจะต้องเผชิญกับโทษร้ายแรงหากถูกส่งกลับไปซาอุดิอาระเบีย ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้ชายชาวซาอุได้ออกมาเรียกร้องให้แขวนคอเธอ

ทางด้านนักกฎหมายและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนในประเทศสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของตนมอบสถานภาพผู้ลี้ภัยให้กับน.ส. al-Qunun

ด้านนาย Giuseppe de Vincentiis ผู้แทนของ UNHCR (ระดับบิ๊กมาเอง) กล่าวว่า ทางเอเยนซี่คาดว่าจะใช้เวลาหลายวันในการพิจารณาสถานภาพของน.ส. al-Qunun และได้กล่าวขอบคุณทางการไทยที่ไม่ส่งเธอกลับประเทศเดิม แต่ได้เปลี่ยนใจหันมาปกป้องเธอ

น.ส. Rahaf al-Qunun (ซ้ายมือ) และหนังสือเดินทางที่เธอได้คืนมา ซึ่งเป็นเครื่องตอบย้ำว่าเธอเดินทางเข้ามาโดยมีหนังสือเดินทาง และข้ออ้างที่เธอกล่าวว่าถูกเจ้าหน้าที่สถานทูตใช้กำลังแย่งไปจึงเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ : ภาพชั่วคราวจากสำนักข่าว SBS

นอกจากทวิตเตอร์จะทำให้เกมเปลี่ยนไปแล้ว ทางฝ่ายซาอุดิอาระเบียดูจะพยายามเปลี่ยนเกมของตนให้ดูดีขึ้น โดยนาย al-Shouaibi กล่าวว่าทางการซาอุดิอาระเบียไม่ได้ขอให้ทางการไทยส่งตัวน.ส. al-Qunun กลับประเทศโดยเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวมาตั้งแต่แรก

เขากล่าวว่าสถานทูตซาอุดิอาระเบียในกรุงเทพฯรับทราบว่าบิดาของน.ส. al-Qunun เป็นผู้ติดต่อตำรวจไทยเพื่อขอให้ส่งบุตรสาวกลับประเทศ

นอกจากนั้นนาย al-Shouaibi ยังปฏิเสธอีกว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตใช้กำลังแย่งชิงหนังสือเดินทางของน.ส. al-Qunun และไม่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดิอารเบียภายในเขตหวงห้ามสนามบิน

ซึ่งขัดกับที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า สถานทูตซาอุดิอาระเบียได้แจ้งให้ทางการไทยรับทราบว่า วัยรุ่นรายดังกล่าวได้หนีบิดามารดาจากการถูกบังคับให้แต่งงาน

เหตุการณ์สังสารนาย Jamal Khashoggi นักข่าวหนังสือพิมพ์ Washington Post เชื้อสายซาอุดิอาระเบียผู้หายตัวลึกลับขณะเข้าไปติดต่องานที่สถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในนครอิสตันบูลประเทศตุรกีในวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วไม่กลับออกมา รัฐบาลตุรกีเชื่อว่าเขาถูกฆ่าตายภายในสถานกงสุลก่อนทำลายศพ โดยเชื่อว่าบุคคลระดับสูงในรัฐบาลซาอุและเป็นสมาชิกในราชวงศ์เป็นผู้สั่งฆ่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีจากนานาชาติ

หมายเหตุ เห็นทีข่าวนี้ท่านผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน แต่ใจจิงโจ้นิวส์ยังอยู่ข้างตำรวจไทยมากกว่า

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , ,

Leave a Reply

Discover more from jingjonews

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading