19 ต.ค. 2018 ไข่นกอีมูได้เป็นที่ต้องการของร้านอาหารในระดับแนวหน้าของประเทศจำนวนหลายแห่ง จนทำให้เกษตรกรบางรายสามารถเลี้ยงครอบครัวของตนเองได้เพียงแค่ขายไข่นกอีมูอย่างเดียว
ไข่นกอีมูเปลือกสีมรกตกำลังเป็นที่ต้องการ อันเนื่องมาจากมันให้โปรตีนและวิตามินสูงและยังมีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ถึง 8 เท่า
นาย Stephan Schmidt เจ้าของฟาร์มอีมูในรัฐควีนสแลนด์กล่าวว่า เขาได้ขายไข่อีมูประมาณ 3,000 ฟองในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
เขากล่าวว่าในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกที่เขานำไข่นกอีมูออกขาย มันเริ่มขึ้นจากภรรยาของเขาแนะนำให้ลองนำไข่อีมูไปขายที่ศูนย์การค้า ซึ่งเขาได้ถามกลับไปว่า “ใครจะมาซื้อมัน?” แต่เอาเข้าจริงเขาสามารถขายไข่ได้ 500 ฟองในสัปดาห์แรกที่ศูนย์การค้าใน Runaway Bay เมืองโกลด์โคสต์
จากข้อมูลของสำนักข่าว ABC ระบุว่าในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมามีไข่อีมูหลายหมื่นฟองถูกนำไปทำเป็นอาหารไม่ว่าจะในรูปแบบของไข่เจียว, ไข่ทอดและมิลค์เชค บางรายอาจซื้อไข่ไปเพื่อกินดิบ ๆ หรือนำไข่สดเป็นส่วนผสมของสมูทตี้
แต่ก่อนผู้รับประทานไข่นกอีมูจะเป็นกลุ่มของผู้อยู่ในวัยเกษียณอายุงาน แต่ในปัจจุบันนักบริการร่างกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ (bodybuilders) เริ่มทดลองกินไข่อีมูกันมากขึ้น
นาง Bev Tuner เกษตกรจากรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าวว่า เธอได้รับคำสั่งซื้อจากร้านอาหารชั้นนำ (มี s แสดงว่าหลายร้าน) ในนครเมลเบิร์น แต่ปริมาณไข่อีมูที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร้านอาหาร ฟาร์มของเธอจำเป็นต้องเลี้ยงนกอีมูเพิ่มขึ้นเพื่อให้ทันต่อฤดูวางไข่ในหน้าหนาวปีหน้า
เธอกล่าวว่า แม้แต่รายการโทรทัศน์ยังต้องการไข่อีมูเพิ่มขึ้น ซึ่งฟาร์มของเธอได้รับการติดต่อขอซื้อจากรายการทีวีดัง Survivor และ My Kitchen Rules
นาย Ash Martin เชฟของร้านอาหารในเขต Scenic Rim ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนสแลนด์กล่าวว่า อีมูกลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ห้าหรือหกปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ไข่เท่านั้นเนื้อของมันก็ได้รับความนิยม
เขากล่าวว่า ร้านของเขาในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ลูกค้าไม่คอยสั่งเนื้อจิงโจ้เหมือนในอดีต นอกจากนั้นไข่และเนื้อของนกอีมูยังขายได้ดีกว่าเนื้อวัวอีกด้วย
ไข่นกอีมูมีปริมาณไข่แดงและไข่ขาวในสัดส่วน 50 ต่อ 50 เชฟส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าไข่นกอีมูมีรสชาติเข้มข้นและดีกว่าไข่ไก่ สามารถนำไปทำขนมหวานเช่นเค้ก หรือไข่ขาวของมันนำไปทำมาร์ชแมลโลว์ (marshmallow) ที่ให้รสชาติดีกว่า
แต่อย่างไรก็ตามไข่นกอีมูแต่ละแหล่งก็มีรสชาติไม่เหมือนกัน นาย Stephan Schmidt กล่าวว่า เขาเลี้ยงนกอีมูที่ฟาร์มของเขาด้วยธัญพืช รสชาติของไข่จึงคล้ายไข่ไก่เลี้ยงเสรี เนื่องจากนกอีมูก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระและกินอาหารอย่างเดียวกัน ส่วนไข่จากนกอีมูป่าจะมีรสชาติต่างกับไข่อีมูเลี้ยงอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามนกอีมูจะวางไข่เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น หากท่านจะลองชิมไข่ของมันเห็นที่จะต้องรีบหน่อยก่อนที่สต็อกจะหมด หรือไม่ก็ต้องรอฤดูหนาวปีหนัา
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply