จีนไต้หวันใช้แรงงานทาสตั้งคอลเซ็นเตอร์ในบริสเบน หลอกเงินจีนแผนดินใหญ่

นสพ. The Courier Mail ฉบับ 12 ม.ค. 2017 ด้านล่างพาดหัวข่าว "ทาสในเมือง...แรงงาน 57 คนถูกกักกัน (ให้ทำงาน) ในบ้านที่บริสเบน"

นสพ. The Courier Mail ฉบับ 12 ม.ค. 2017 ด้านล่างพาดหัวข่าว “ทาสในเมือง…แรงงาน 57 คนถูกกักกัน (ให้ทำงาน) ในบ้านที่บริสเบน”

12 ม.ค. 2017 แก๊งอาชญากรรมชาวไต้หวันได้ใช้บ้านเช่าในนครบริสเบนตั้งเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกเงินจากเศรษฐีในประเทศจีน โดยพวกเขาใช้แรงงานทาสจากประเทศไต้หวันทำงานนี้

แก๊งอาชญากรรมกลุ่มนี่ถูกกล่าวหาว่าได้ใช้แรงงานชาวไต้หวันที่เข้ามาในประเทศด้วยวีซ่าทำงาน-ท่องเที่ยวจำนวน 57 คนทำงานตั้งแต่เวลา 7.30 น.ถึงเวลา 23.00 น.เป็นเวลา 7 วันต่อสัปดาห์ พวกเขาถูกบังคับให้เข้าชั้นเรียนเพื่อท่องจำการพูดตามต้นฉบับเพื่อใช้ในการล่อลวงเหยื่อเป้าหมายในประเทศจีนให้หลงเชื่อ ยอมให้พวกเขาเข้าไปดูข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ

แรงงานเหล่านี้ถูกกักขังให้อยู่ภายในบ้านเช่า, พวกเขาถูกยึดหนังสือเดินทาง และให้นอนเบียดเสียดกัน 8 คนต่อ 1 ห้องนอนในบ้านหลังหนึ่งในย่าน Morningside ในนครบริสเบน ที่สมาชิกแก๊งเช่าไว้ในอัตรา 2,000 เหรียญต่อสัปดาห์

แรงงานเหล่านี้ไม่เคยได้รับค่าจ้างทำงานมาตลอดการทำงาน 5 เดือนก่อนถูกจับได้

แรงงานแต่ละคนจะถูกสั่งให้ทำการโทรศัพท์หาลูกค้าให้ได้ไม่ต่ำกว่า 60 รายต่อกะ ในการหลอกให้เหยื่อซึ่งเป็นเศรษฐีชาวจีนยอมเปิดเผยให้บอกยอดเงินในบัญชี ด้วยการใช้หมายจับปลอมของตำรวจจีนมาอ้าง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าพวกเขาถูกต้องสงสัยว่าทำการฟอกเงิน

จากนั้นจึงทำการขู่ให้เหยื่อจ่ายเงินจำนวนสูงเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี เศรษฐีชาวจีนส่วนใหญ่มีความหวาดระแวงต่ออิทธพลมืดของผู้มีอำนาจและยอมจ่ายเงินเพื่อตัดปัญหาถูกดำเนินคดี ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาต้องติดคุกยาวหรือถูกวิสามัญฯหรือถูกประหารชีวิตทั้งที่อาจไม่มีความผิดใด ๆ

บ้านเช่าที่ถนน Beelarong St. ย่าน Morningside ที่ถูกใช้เป็นคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

บ้านเช่าที่ถนน Beelarong St. ย่าน Morningside ที่ถูกใช้เป็นคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

ความลับของแก๊งอาชญากรรมกลุ่มนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกในวันที่ 9 สิงหาคมปี 2015 เมื่อแรงงานทาสคนหนึ่งสามารถหลบหนีออกจากบ้านที่กักขัง เขาได้รับความช่วยเหลือจากพลเมืองดีในท้องถิ่นสองคน ให้เขาเข้าไปนอนหมอบในรถยนต์แล้วขับไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ Morningside

ตำรวจได้เข้าทลายแก๊งอาชญากรรม สามารถช่วยแรงงานทาสไว้ได้อีก 56 คน และจับตัวผู้ต้องหาได้สี่คน

ในการพิจารณาคดีเมื่อวานนี้ที่ 11 มกราคม 2017 ที่ศาลแขวงนครบริสเบน ผู้ต้องหาชาวไต้หวันจำนวน 4 คน ได้แสดงเจตจำนงว่าจะยอมรับสารภาพผิด ซึ่งผู้พิพากษาหญิง Julie Dick (นามสกุลช่างน่าหวาดเสียว) จะกำหนดให้มีการพิจารณาตัดสินโทษในเดือนหน้า

ผู้พิพากษา Julie Dick แห่งศาลแขวงรัฐควีนแลนด์ผู้พิพากษาคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

ผู้พิพากษา Julie Dick แห่งศาลแขวงรัฐควีนแลนด์ผู้พิพากษาคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

ผู้ต้องหาที่หนึ่งที่ถูกจับได้คือนาย Wu-Nan Chen วัย 42 ปีแห่งย่าน Pacific Pines ในเมืองโกลด์โคสต์ ถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและจัดการดำเนินงานคอลเซ็นเตอร์ได้เจรจาขอยกเว้นข้อหาใช้แรงงานทาสที่มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี เพื่อแลกกับการยอมรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินและให้การสนับสนุนองค์กรอาชญากรรม

นาย Chen มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถส่งหอยเป๋าฮือถูกกล้อง CCTV ของสถานบินนานาชาติบริสเบนจับภาพเขาขณะทำการรับแรงงานทาสเดินทางเข้าเมืองรายใหม่เพื่อมาทำงานคอลเซ็นเตอร์

แต่เนติบัณฑิตผู้กล่าวว่าต่างในชั้นศาลแทนเขากล่าวแย้งว่า นาย Chen ไม่ใช่ผู้ประสานงานและจัดการดำเนินงานคอลเซ็นเตอร์ เขาเป็นเพียงผู้ทำหน้าที่เช่าบ้านที่ย่าน Morningside, และทำการจัดซื้อเตียงนอน, เฟอร์นิเจอร์ และ iPad ให้กับแรงงานทาสใช้ในการติดต่อเหยื่อเท่านั้น

นาย Chen ได้สัญชาติออสเตรเลียในปี 1990 ในปัจจุบันถือหนังสือเดินทางของทั้งสองประเทศ เขามีกำหนดได้รับการตัดสินโทษในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นที่เชื่อว่าเขาจะถูกยกเลิกสัญชาติหลังจากคำตัดสินโทษ และจะถูกเนรเทศกลับประเทศไต้หวันทันทีเมื่อพ้นจากคุก

สำนักงานอัยการยังตกลงที่จะไม่ฟ้องข้อหาสนับสนุนการก่ออาชญากรรมร้ายแรงกับนาย Sheng-Jiun Huang วัย 34 ปี ผู้ต้องหารายที่สองจากย่าน Fortitude Valley ในนครบริสเบน เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินในการก่ออาชญากรรม โดยเขายอมตกลงรับสารภาพผิดคดีฟองเงินจำนวน 2 คดี

นาย Huang ผู้นี้จิงโจ้นิวส์เคยลงข่าวว่า เขายอมลาออกจากอาชีพเชฟร้านอาหารญี่ปุ่น Sono Japanese Restaurant ที่ท่าเรือ Portside ในย่าน Hamilton นครบริสเบนเพื่อเข้าร่วมทำงานกับแก๊งอาชญากรรม

เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้เช่าบ้านขนาด 5 ห้องนอนในย่าน South Brisbane ในเดือนมีนาคม 2015 โดยจ่ายค่าเช่าบ้านไปแล้วทั้งสิ้น 58,510 เหรียญ

ขณะขอเช่าบ้านนาย Huang บอกกับเอเยนซี่ผู้ใช้เช่าว่าเขาเช่าเพื่ออยู่อาศัยเอง แต่ขณะตำรวจเข้าบุกตรวจค้นพบว่ามีชาวไต้หวันทำงานคอลเซ็นเตอร์อย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนทั้งสิ้น 34 คนอยู่ภายในบ้านหลังนั้น

ส่วนแรงงานทาสอีก 23 คนตำรวจตามไปพบที่บ้านเช่าหลังหนึ่งที่ถนน Beelarong St. ในย่าน Morningside

จากเอกสารที่ยื่นต่อศาลระบุว่า นาย Huang ได้รับเงิน 312,856 เหรียญโอนเข้าบัญชีธนาคารของเขาโดยผ่านบริการโอนเงินข้ามประเทศจากไต้หวันในระหว่างวันที่ 4 มีนาคม 2015 ถึง 26 สิงหาคม 2015

นาย Huang ซึ่งถูกศาลสั่งฝากขังมาตั้งแต่ 13 เดือนที่แล้ว มีกำหนดจะถูกตัดสินโทษในวันที่ 17 กุมภาพันธ์

ในปัจจุบันเขาถือวีซ่าถาวรที่ได้รับการสปอนเซอร์จากเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น Sono เป็นที่เชื่อแน่ว่าเขาจะถูกเนรเทศกลับไต้หวันหลังจากพ้นจากคุก

บ้านเช่าที่ย่าน South Brisbane ที่ถูกใช้เป็นคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

บ้านเช่าที่ย่าน South Brisbane ที่ถูกใช้เป็นคอลเซ็นเตอร์ : ภาพจากนสพ. The Courier Mail

ผู้ต้องหารายที่สามคือนาย Yu-Hao Huang วัย 28 ปีและผู้ต้องหารายที่สี่คือนาย Bo-Syun Chen วัย 29 ปี ทั้งสองแสดงความจำนงค์ที่จะยอมรับสารภาพผิดในคดีทำให้บุคคลเข้าไปอยู่หรืออยู่ภายใต้ความเป็นทาส หลังจากสำนักงานอัยการตกลงที่จะไม่ฟ้องพวกเขาในข้อหาทำธุรกิจด้วยการใช้ทาสแรงงาน   ทั้งสองมีกำหนดขึ้นรับฟังคำตัดสินโทษในวันที่ 8 กุมภาพันธ์

ก่อนหน้านี้นาย Bo-Syun Chen ได้ให้การว่า เขารู้แหล่งใช้แรงงานทาสดำเนินคอลเซ็นต์เตอร์อย่างผิดกฎหมาย ในบ้าน 4 หลังในออสเตรเลีย แต่เมื่อตำรวจจู่โจมเข้าบุกบ้านเหล่านั้น กลับพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยึดมาได้ถูกลบข้อมูลที่ใช้เป็นหลักฐานออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

หมายเหตุ ท่านสามารถอ่านข่าวเกี่ยวเนื่องกับข่าวนี้ได้ในหัวข้อ “จับเชฟร้านอาหารญี่ปุ่น รับตั้งเครือข่ายต้มตุ๋น-ขู่กรรโชกเงินข้ามชาติ” ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2016 (โปรดคลิกที่ข้อความสีฟ้า)

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

Discover more from jingjonews

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading