ศาลไทยตัดสินจำคุกดีเจชาวออสซี่ ตลอดชีวิตจากคดีครอบครองยาอี

นาย Jake Mastroianni เจ้าของฉายา "ดีเจปากมอม" ขณะทำหน้าที่ดีเจ : ภาพจากนสพ. the Age ต้นฉบับจากเฟสบุ๊ค

นาย Jake Mastroianni เจ้าของฉายา “ดีเจปากมอม” ขณะทำหน้าที่ดีเจ : ภาพจากนสพ. the Age ต้นฉบับจากเฟสบุ๊ค

10 ก.ย. 2016 ดีเจวัย 26 ปีชาวออสเตรเลียผู้ถูกตำรวจไทยจับกุมในข้อหาครอบครองยาอี 61 เม็ดได้ถูกศาลไทยปฏิเสธการอุทธรณ์ขอลดโทษจำคุกตลอดชีวิต

คดีนี้เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2014 เมื่อนาย Jake Mastroianni ชายชาวออสเตรเลียได้ถูกตำรวจไทยจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติดขณะอยู่ที่พัทยาพร้อมกับนาย Lance Whitmore อดีตทหารกองทัพสหราชอาณาจักรวัย 27 ปี

นาย Mastroianni ถูกจับในข้อหาครอบครองยาอี 61 เม็ด ในขณะที่นาย Whitmore ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติด 200 เม็ด ขณะถูกจับนาย Mastroianni ทำงานเป็นดีเจอยู่ที่พัทยา ส่วนนาย Whitmore ทำงานให้กับบริษัทปิโตเลียมแห่งหนึ่งที่มีฐานขุดเจาะอยู่ในอ่าวไทย

นาย Mastroianni ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเป็นเวลา 2 ชีวิต (two life jail sentences) ส่วนนาย Whitmore ถูกจำคุกเป็นเวลา 50 ปีหลังจากยอมรับสารภาพผิดและได้รับลดหย่อนโทษลงกึ่งหนึ่ง

เมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งสองถูกศาลไทยปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ขอลดหย่อนโทษ ทั้งสองถูกส่งไปกักขังต่อที่เรือนจำคลองเปรม ซึ่งเป็นเรือนจำควบคุมหนาแน่นและได้ชื่อว่าเป็นเรือนจำที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก

นาย Mastroianni เคยเป็นอดีตดีเจจอมซ่าอยู่ในนครเมลเบิร์นผู้ได้รับฉายาว่า “ดีเจปากมอม” หรือ “Badmouth DJ” ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานประเทศไทย เขาเคยเป็นดีเจให้กับงาน Full Moon Party อันโด่งดังบนเกาพะงันในอ่าวไทย และเคยทำงานที่ Sapphire Club คลับที่มีสาวบริการนุ่งน้อยห่มน้อยในพัทยา

สำนักข่าว AAP กล่าวว่านาย Jeffery Stevens ทนายความของนักโทษทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอลดหย่อนโทษจากที่ศาลก่อนหน้านี้ที่ตัดสินไปแล้ว โดยหวังว่าจะได้ลดหย่อนโทษ แต่ต้องผิดหวังเมื่อศาลพิจารณาไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์

นาย Jake Mastroianni ขณะทำหน้าที่ดีเจอยู่ที่พัทยา : ภาพจากนสพ. the Age ต้นฉบับจากเฟสบุ๊ค

นาย Jake Mastroianni ขณะทำหน้าที่ดีเจอยู่ที่พัทยา : ภาพจากนสพ. the Age ต้นฉบับจากเฟสบุ๊ค

นาย Nathan Feeney ที่ปรึกษาทางกฎหมายของนาย Mastroianni ซึ่งมีฐานทำงานในประเทศไทยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ the Guardian ว่าลูกความของเขาน่าจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ หากเขายอมรับสารภาพผิดในศาลครั้งก่อน แต่ทนายความของเขาแนะนำไม่ให้รับสารภาพผิด

นาย Feeney กล่าวว่า ขณะจับกุมตำรวจได้ตรวจพบยาเสพติดที่อพาร์ทเมนท์ของแฟนสาวชาวไทยของนาย Mastroianni โดยตำรวจไม่พบยาเสพติดในตัวหรือในสิ่งของส่วนตัวของเขาแต่อย่างใด   แต่เขากลับเป็นผู้ถูกตั้งข้อหา ในขณะที่แฟนสาวชาวไทยไม่ถูกตั้งข้อหาแต่อย่างใด

นาย Feeney กล่าวว่า คดีของนาย Mastroianni ต่างกับคดีของนาย Whitmore ตรงที่ตำรวจเป็นฝ่ายกล่าวหาว่าเขาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ในขณะที่นาย Whitmore ถูกจับได้คาหนังคาเขาในขณะทำการจำหน่ายยาอี

นาย Mastroianni ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าเขาไม่ได้กระทำผิด ซึ่งความจริงของเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเอง เขาจึงถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตจำนวน 2 ชีวิต ส่วนนาย Whitmore หลักฐานมัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด เขายอมรับสารภาพผิดทำให้ได้รับลดหย่อนโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 50 ปี

ทางด้านโฆษกของกระทรวงต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย (DFAT) กล่าวกับสำนักข่าว AAP ว่ากระทรวงได้ให้การช่วยเหลือด้านงานกงสุลแก่นาย Mastroianni ตามสมควรในขณะจำคุกอยู่ในประเทศไทย

กระทรวงต่างประเทศยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวออสเตรเลียติดคุกอยู่ในประเทศไทย 15 คน ในจำนวนนี้ 8 คนเป็นนักโทษคดียาเสพติด

AAP ให้ความเห็นว่าหากนาย Mastroianni ประพฤติตัวดีในระหว่างจำขัง เขาก็มีโอกาสที่จะถูกส่งตัวมาติดคุกในออสเตรเลียหลังจากจำคุกในประเทศไทยไปแล้ว 8 ปี หรือในอีก 6 ปีข้างหน้า (เขาติดคุกไทยไปแล้ว 2 ปี)   อันเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศสำหรับนักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

หมายเหตุ โปรดอ่านด้วยความพิจารณา จิงโจ้นิวส์ได้เลือกเสนอข่าวจากสื่อฯที่เสนอข่าวในระดับกลาง และตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกไปแล้ว

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตุถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสซี่ในเมืองไทย, ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

Discover more from jingjonews

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading