ผลักดันทดสอบ ID ความเป็นอะบอริจิน หลังมีคนแอบอ้างเป็นมากมาย

2016-02-20 Abo check2

นสพ. the Australian ฉบับที่ 20 ก.พ. 2016 เสนอข่าวการผลักดันให้มีการทดสอบความเป็นบุคคลของชาวอะบอริจินหลังมีผู้แอบอ้างนับวันยิ่งมากจนขาดการควบคุม

20 ก.พ. 2016 ใคร ๆ ก็อยากได้ชื่อว่ามีเชื้อสายชาวอะบอริจินและชาวเกาะทอร์เรส แม้บางคนมีผิวขาวจั๊วแถมจมูกโด่งก็ยังพยายามอ้างว่ามีบรรพบุรุษปู่ของปู่ของปู่มีเชื้อสายอยู่นิดหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อสิทธิในเงินสวัสดิการที่มากกว่า, ผลประโยชน์ทางการเข้าศึกษาและสิทธิพิเศษในการทำงาน

อย่างไรก็ตามผู้นำชนเผ่าชาวพื้นเมืองได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจเช็คผู้สมอ้างว่ามีเชื้อสายชาวอะบอริจินอย่างเข้มงวดกว่าเดิม เนื่องจากระบบความเชื่อใจกัน ทำให้มีผู้อ้างสิทธิความมีเชื้อสายชนเผ่าพื้นเมืองมากขึ้น

ล่าสุดนาย Warren Mundine ประธานสภาที่ปรึกษาชนเผ่าพื้นเมืองของนายกรัฐมนตรีและนาย Stephen Hagan ผู้นำชนเผ่าอะบอริจินรัฐควีนสแลนด์ได้ออกมาขานรับในเสียงเดียวกันว่า ระบบตรวจสอบปัจจุบันในการรับรองความเป็นชนเผ่าอะบอริจินได้ล้าสมัยและกำลังสร้างความเสียหายต่อเงินภาษีของประชาชน

นาย Hagan กล่าวว่า มีผู้ที่เข้ามาแอบอ้างจำนวนมหาศาลก็เพียงเพื่อเข้ามาแยกงานข้าราชการที่กันโควต้าไว้ให้ชาวอะบอริจินไป และเพื่อให้ได้รับเงินสวัสดิการและสิทธิอื่น ๆ ที่ดีกว่า รวมถึงเข้ามาแย่งสัญญาจ้างงานจากรัฐบาล (ภายใต้นโยบายของรัฐบาลกลาง สัญญาการจ้างงานจะต้องว่าจ้างงานในธุรกิจที่ดำเนินกิจการโดยชาวอะบอริจินหรือชาวเกาะทอร์เรสอย่างน้อย 3% ของงบประมาณรายจ่ายว่าจ้างงานธุรกิจเอกชนทั้งหมด)

การออกมาพูดของสองผู้นำชาวอะบอริจินเกิดขึ้นหลังจากนาย Stephen Wright นายทะเบียนกลางตามพรบ.สิทธิในดินแดนสืบทอดตามประเพณีของชนเผ่าพื้นเมืองปี 1983 หรือ Land Right Act ได้สั่งให้นาง Laurinne Campbell อดีตข้าราชการหญิงระดับสูงของเมือง Dobbo ไม่มีคุณสมบัติเป็นชาวอะบอริจินตามที่เธอเอ่ยอ้าง หลังจากถูกร้องเรียนจากกลุ่มคนพื้นเมืองในท้องถิ่นจำนวนมาก

2016-02-20 Abo check4

นาง Laurinne Campbell (ภาพชั่วคราวจากนสพ. the Australian)

นาง Campbell ได้แอบอ้างว่าเธอมีเชื้อสายอะบอริจินทำให้เธอได้ทำงานกับสำนักงานอาคารสงเคราะห์เพื่อชาวอะบอริจินแห่งรัฐน.ซ.ว. (NSW Aboriginal Housing Office ) จนได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการส่วนผู้มิภาคที่เมือง Dobbo เมืองนี้ตั้งอยู่ประมาณ 400 กม.ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ และต่อมาได้ก่อตั้งบริษัท Nigyanni Indigenous Corporation ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว จากนั้นในปี 2011 บริษัทของเธอได้รับเงินบริจาคจากรัฐบาลและเอกชนจำนวน 120,000 เหรียญ

ความไม่ชอบมาพากลได้ถูกนาย Ray Peckham ผู้อาวุโสของท้องถิ่นวัย 86 ปีและนาง Bernadette Riley คนในท้องถิ่นทำการสืบสวนข้ออ้างความเป็นชาวอะบอริจินของนาง Campbell พบว่าได้รับการรับรองโดยสภาดินแดนชาวอะบอริจินท้องถิ่น Pilliga โดยเธอได้ใช้นามสกุลชาวอะบอริจินที่อ่านพบในนิตยสารของชาวพื้นเมืองชื่อ Dawn ในการอ้างลำดับเครือญาติเชื้อสายอะบอริจินของเธอ

นาย Rupert Williams พนักงานขับรถประจำทางวัย 60 ปีชาวอะบอริจินที่ถูกนาง Campbell นำไปอ้างว่าเป็นเครือญาติสายตรงขึ้นไปสองระดับ (ระดับปู่) กล่าวว่า เขาไม่รู้จักนาง Campbell แต่อย่างใด

ในเรื่องนี้คณะกรรมการอิสระต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง (ICAC) ได้ทำการสอบสวนตามคำร้องเรียนและเห็นว่ามีการฉ้อฉลเกิดขึ้นจริง จึงผ่านเรื่องไปให้นาย Wright พิจารณาดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งเขาได้ประกาศให้การเป็นผู้มีเชื้อสายอะบอริจินของนาง Campbell เป็นโมฆะ

2016-02-20 Abo check3

ทีมชาวอะบอริจนท้องถิ่นที่ร่วมกันฉีกหน้ากากของนาง Laurinne Campbell แต่กว่าจะสำเร็จก็ต้องต่อสู้ทางกฎหมายกันหลายปี เพราะอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมจำนน และเดินเรื่องกฎหมายฟ้องกลับ (ภาพชั่วคราวจากนสพ. the Australian)

 

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตุถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , ,

Leave a Reply

Discover more from jingjonews

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading