22 มิ.ย. 2015 นักเศรษฐศาสตร์ออกมาฟันธงว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียกำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่บ้าน (housing bubble) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และนครเมลเบิร์นจะเป็นจุดศูนย์กลางของ “การตายหมู่” (bloodbath) เมื่อฟองสบู่เศรษฐกิจแตกออกมา
นักเศรษฐศาสตร์รายล่าสุดที่ออกมาวิจารณ์คือนาย Lindsay David และนาย Philip Soos ผู้เขียนหนังสือถึงความร้อนแรงของตลาดที่อยู่อาศัย พร้อมกับตำหนิผู้อยู่ในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนักการเมืองที่ปฏิเสธไม่รับรู้เรื่องของฟองสบู่ เพราะพวกเขายังเข้าใจว่ามีความขาดแคลนที่อยู่อาศัยตามนครหลวงต่าง ๆ ของประเทศ
ทั้งสองกล่าวว่า แท้จริงแล้วที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียมีเกินความต้องการ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในสหรัฐ ก่อนที่เศรษฐกิจจะทรุดลง และนำไปสู่วิกฤติการณ์การเงินโลก หรือ GFC ในปี 2007 และ 2008
นครเมลเบิร์นถูกมองว่าเป็นจุดอันตรายที่สุด จากการปล่อยให้มีการก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ขึ้นเป็นดอกเห็ดในเขตตัวเมืองชั้นใน ทำให้ขณะนี้มีที่อยู่อาศัยเกินความต้องการกว่า 123,000 หลัง ตามด้วยนครซิดนีย์เกินความต้องการกว่า 40,000 หลัง
ทั้งนาย David และนาย Soos ซึ่งทำหนังสือยื่นเสนอต่อที่ประชุมเพื่อการไต่สวนกรณีการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายนนี้ ในนามของ LF Economics สำนักวิจัยทางการเงินและที่อยู่อาศัย โดยเชื่อว่าฟองสบู่บ้านครั้งนี้จะร้ายแรงที่สุดกว่าที่เคยเกิดในทศวรรษที่ 1880s, 1920s, กลางทศวรรษที่ 1970s และปลายทศวรรษที่ 1980s
นครเมลเบิร์นดูจะมีอาการหนักที่สุด เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่อยู่อาศัยไม่ได้เพิ่มขึ้นในเทอมที่แท้จริงมานับตั้งแต่ปี 2011 แต่ราคาที่อยู่อาศัยกลับถีบตัวเพิ่มขึ้น 178% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากเมลเบิร์นแล้ว นครเพิร์ทก็อยู่ในอาการน่าวิตกเช่นกัน
ทั้งสองกล่าวว่า ราคาที่อยู่อาศัยตามนครหลวงต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยไม่สัมพันธ์กับค่าเช่า, รายได้ส่วนบุคคล, เงินเฟ้อ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ในขณะที่ยังไม่มีสัญญาณบอกเหตุถึงฟองสบู่บ้านจะยุติลง ในขณะที่ภาวะของปรากฎการณ์ “ตายหมู่” เริ่มก่อตัวให้เห็นอย่างค่อนข้างแน่นอน
ทางด้านนาย Joe Hocwker ร.มว.การคลังซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้มีการถกปัญหาเรื่องราคาที่อยู่อาศัยในระดับชาติ แต่เขายังปฏิเสธเรื่องฟองสบู่บ้าน โดยอ้างว่าประชาชนคงจะไม่ซื้อบ้าน หากพวกเขาไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระมัน
อย่างไรก็ตามความเห็นของนาย Hockey สวนทางกับนาย John Fraser ปลัดกระทรวงการคลังและนาย Glenn Stevens ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย
แนวความคิดของนาย David และนาย Soos ยังได้รับการสนับสนุนจากดร. Andrew Wilson นักวิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยจาก Domain Group ซึ่งเขากล่าวว่า ออสเตรเลียไม่เคยมีประวัติเจ็บตัวจากการตกลงอย่างฮวบฮาบของราคาที่อยู่อาศัย และไม่เคยเจอกับการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ที่มีผลทำให้ราคาบ้านตกลงแบบทิ้งดิ่ง
เขากล่าวว่า ปรากฎการณ์ราคาบ้านลดลงสูงที่สุด เคยเกิดขึ้นในนครซิดนีย์ในปี 2008 โดยในปีนั้นราคาบ้านตกลง 4.5%
ดร. Wilson ยอมรับในเหตุผลของนาย David และนาย Soos และยอมรับว่าเมลเบิร์นมีปัญหาฟองสบู่บ้านที่น่าวิตก แต่ยังไม่เชื่อว่ามันจะเลวร้ายถึงกับนำไปสู่ภาวะ “ตายหมู่”
ในขณะที่ศจ. Janine Dixon แห่งคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยวิกตอเรียกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาบ้านในเขตเมลเบิร์นตอนในและซิดนีย์ตอนในมีแต่ขึ้นกับขึ้น ที่จำเป็นต้องมีมาตรการหยุดยั้งความร้อนแรง
จากรายงานตัวเลขล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย ถึงจำนวนบ้านเกินความต้องการ และขาดแคลน (-) ในรัฐต่าง ๆ ในไตรมาสเดือนตุลาคม 2014 มีดังนี้
รัฐนิวเซาท์เวลส์ | 40,537 |
รัฐวิกตอเรีย | 123,242 |
รัฐควีนสแลนด์ | -3,126 |
รัฐเซาท์ออสเตรเลีย | 28,302 |
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย | -44,509 |
jingjonews@hotmail.com
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply