นาย John Fraser เลขาธิการการคลัง

5 ก.พ. 2015 ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียและเลขาธิการการคลังแห่งชาติคนใหม่ได้เตือนคณะรัฐมนตรีว่า หากแผนการตัดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลถูกพรรคเลเบอร์, พรรคกรีนส์และส.ว.ผู้ถือดุลแห่งอำนาจร่วมกันล้มอีก งบประมาณของรัฐบาลจะตกอยู่ในความเสี่ยงและจะไม่สามารถกลับมาเป็นงบประมาณเกินดุลไปตลอดกาล

การออกมาให้ความเห็นครั้งนี้เป็นการผนึงความเห็นของสองผู้นำสูงสุดทางการเงินและการคลังของประเทศคือ นาย Glenn Stevens ผู้ว่าการธนาคารกลางและนาย John Fraser เลขาธิการการคลัง (ปลัดกระทรวงการคลัง) คนใหม่ถึงการทำนายอนาคตทางการเงินระยะยาวของชาติต่อคณะรัฐมนตรีในกรุงแคนเบอร์ร่า

และถือเป็นครั้งแรกของนาย Stevens ในช่วงเวลา 8 ปีในฐานะผู้ว่าการธนาคารกลางต่อการสรุปทิศทางการเงินของชาติต่อคณะรัฐมนตรี (ปกติแถลงต่อคณะรัฐสภา)

รายงานสรุปจำนวน 20 หน้าแสดงให้เห็นว่าฐานะของงบประมาณยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ลง แม้ว่าเศรษฐกิจกำลังเดินทางไปตามแนวเติบโต 3% ต่อปี แต่งบประมาณยังคงเดินไปในทิศทางขาดดุลเกินกว่า 10 ปีที่ได้คาดการณ์ไว้ในปี 2014

พรรคเลเบอร์ออกมาโจมตีการตัดรายจ่ายของรัฐบาลว่า “ไม่ยุติธรรม (ต่อประชาชน)” อย่างไรก็ตามนาย Fraser กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินเกือบ 110 ล้านเหรียญต่อวัน เพื่อชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่ถึงกำหนดชำระ ซึ่งเป็นภาระที่รัฐบาลปัจจุบันรับมาจากรัฐบาลชุดก่อน

ปัจจุบันประเทศมีหนี้สิน 360 พันล้านเหรียญ (หนี้สินสุทธิ 226 พันล้านเหรียญ) และขาดดุลเงินสด 40.4 พันล้านเหรียญ โดยหนี้สินส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคเลเบอร์ของนาย Kevin Rudd และนาง Julia Gillard เงินที่กู้มาจำนวนไม่น้อยถูกนำไปใช้ในด้านประชานิยม   เมื่อพรรคลิเบอรัล-เนชั่นแนลเข้ามาบริหารประเทศได้เพิ่มการกู้ยืมเข้าไปอีก เงินกู้ส่วนหนึ่งเป็นการกู้เพื่อจ่ายดอกเบี้ยและจ่ายเงินต้นที่ครบชำระ

รัฐบาลนาย Tony Abbott พยายามที่จะตัดลดภาระหนี้สินและทำงบประมาณเกินดุล เหมือนอย่างที่รัฐบาลกลางของนาย John Howard เคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่ด้วยเงื่อนไขและปัจจัยเอื้ออำนวยที่แตกต่างกัน อีกทั้งประชาชนเคยชินกับการเป็นฝ่ายรับมาตลอด แผนงบประมาณตัดรายจ่ายของรัฐบาลกลางนาย Abbott จึงสิ่งที่ฝ่ายค้านและประชาชนยอมรับไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมพรรคลิเบอรัลและพรรคเนชั่นแนลตกต่ำอย่างฮวบฮาบในขณะนี้

นาย Glenn Stevens ผู้ว่าการธนาคารกลาง

รายงานสรุปชี้ให้เห็นว่า แผนงบประมาณชุดเดิมทำนายว่า งบประมาณขาดดุลจะสิ้นสุดและเปลี่ยนเป็นเกินดุลในปี 2025 แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ถือว่าเป็นไปไม่ได้ โดยจะใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปีหรือตลอดกาล เว้นเสียแต่จะมีการปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

นาย Joe Hockey ร.มว.การคลังผู้ซึ่งยอมรับความเห็นของเลขาธิการการคลังคนใหม่ที่เขารับงานในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวว่า รัฐบาลจะเจอปัญหาทางการเงินเข้าขั้นวิกฤติแน่ หากพรรคเลเบอร์ยังคงขัดขวางไม่ให้ร่างงบประมาณผ่านสภาสูง

นาย Hockey ได้ยอมรับที่จะลดการตัดรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน   โดยจะพยายามมองหาจุดที่สามารถประหยัดได้ในส่วนอื่น ๆ

การออกมาทำนายสภาพการเงินและการคลังของประเทศในระยะยาวของสองผู้นำทางเศรษฐของประเทศ เกิดขึ้นตามหลังธนาคารกลางประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.25% ที่เชื่อว่าจะช่วยผ่อนแรงกดดันทางการเงินให้กับประชาชน อีกทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงยังช่วยผ่อนภาระของครอบครัวลงเทียบเท่ากับการลดดอกเบี้ยพื้นฐานลง 60 จุดทีเดียว

อย่างไรก็ตามความผิดพลาดของรัฐบาลนาย Abbott ต่อการไม่สามารถเข็นร่างกฎหมายงบประมาณสำคัญผ่านสภาสูง, ความสับสนในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารเรื่องการคิดค่าธรรมเนียม 7 เหรียญเพื่อเข้าปรึกษาแพทย์ GP, การผิดสัญญาหาเสียงด้วยการตัดรายจ่ายทางการศึกษาและการรักษาพยาบาล และการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้กับเจ้าชายฟิลลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบทที่ 2 เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีตกต่ำอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดมีส.ส.ของพรรคลิเบอรัลสามคนคือนาย Dennis Jensen, นาย Warren Entsch และนาย Mal Brough ได้ออกมาประกาศตัดสัมพันธ์นาย Abbott และขอให้พรรคลงมติเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศต่อไป โดยมีนาย Malcolm Turnbull ร.มว.คมนาคมซึ่งแสดงท่าทีต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศมานานหลายปี ออกมาขานรับที่จะช่วงชิงตำแหน่ง   ในขณะที่นาง Julie Bishop ร.มว.ต่างประเทศซึ่งประกาศสนับสนุนนาย Abbott มาตลอดออกมาแสดงท่าทีว่า หากนาย Abbott ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค หรือเพลี่ยงพล้ำสูญเสียจำนวนผู้สนับสนุนต่ำกว่าครึ่ง เธอก็พร้อมที่จะลงต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำพรรค

นสพ. the Telegraph ฉบับ 6 ก.พ. 2015 เสนอข่าวผู้ว่าการธนาคารกลางและเลขาธิการการคลังออกมาให้ความเห็นทางเศรษฐกิจ

Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: ข่าวการเมือง, ข่าวออสซี่, ข่าวออสเตรเลีย, ข่าวเศรษฐกิจ