ภาพตัวอินดิเคเตอร์ของรถยนต์ในออสเตรเลียส่วนใหญ่จะอยู่ด้านขวาของพวงมาลัย แต่ในสหราชอาณาจักรและยุโรปจะอยู่ด้านซ้าย : ภาพป๊อปอาร์ตโดนจิงโจ้นิวส์

26 ม.ค. 2023 Charlee สาวชาวสหราชอาณาจักรได้เผยประสบการณ์ 6 อย่างที่เธอถือเป็นความสับสนทางวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิต (Culture Shock) ที่ทำเอาเธอแปลกใจเมื่อมาอยู่ในออสเตรเลีย

Charlee วัย 25 ปีได้เดินทางจากกรุงลอนดอนมาอยู่ที่นครซิดนีย์ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เธอได้ใช้ TicTok ในวันพุธที่ 25 มกราคมเล่าถึงประสบการณ์แปลกที่เธอพบในออสเตรเลียโดยไม่ทันได้เตรียมตัวมาก่อน

เพื่อเป็นการเตือนผองเพื่อนชาว Pom ให้รับทราบและเตรียมตัวก่อนมาเยือนออสเตรเลีย

ประการแรก Charlee ยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจประโยคและวลีที่คนออสเตรเลียใช้พูดประจำวัน

เธอกล่าวว่า เมื่อเธอมาถึงนครซิดนีย์ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน มีผู้คนมากมายทักทายเธอว่า “How are you going?” เธอเข้าใจว่าหมายถึง “คุณกำลังจะไปไหนนะ?” เธอจึงตอบว่า “ฉันกำลังจะไปตลาด”

พวกเขามองเธอราวกับว่า เธอเป็นคนเพี้ยน ก่อนที่เธอจะเข้าใจว่าประโยคนี้หมายถึง “How are you doing?” หรือ “เป็นอย่างไรบ้าง?”

หมายเหตุ จะว่าไปแล้วคำว่า “How are you going” ก็เป็นภาษาสากล มีความหมายว่า “คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”

ภาพ Charlee วัย 25 ปีจากกรุงลอนดอนเธอเกิด Culture Shock กับวิถีชีวิตในออสเตรเลียที่แตกต่างไปจากอังกฤษบ้านเกิดของเธอ : ภาพจาก TicTok charleedownunder

เรื่องช็อกทางวัฒนธรรมต่อมาก็คือ เธอประสบปัญหากับการเปิดปิดประตูห้อง ในสหราชอาณาจักรมีการล็อคประตูพร้อมสลักประตู

เธอกล่าวว่าในทุกประเทศที่เธอเคยไป ถ้าต้องการปลดล็อคประตู ให้หมุนกุญแจไปทางตรงกลางประตูและสลักจะยกขึ้น แต่ในออสเตรเลียให้ทำในทางตรงกันข้าม

ประตูส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะต้องหมุนกุญแจหันออกจากประตู ไม่ใช่เข้าหาประตู

เรื่องที่สามก็คือ สัญญาณไฟจราจร ในสหราชอาณาจักร ผู้ขับรถจะทราบดีว่า เมื่อสัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว สัญญาณไฟสีเหลืองจะปรากฎขึ้นในขณะที่สัญญาณไฟแดงยังปรากฏก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกัน

ในออสเตรเลียหลังจากสัญญาณไฟสีแดงหมดก็จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟสีเหลืองแล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วเปลี่ยนมาเป็นสีแดงสลับกันไป

เรื่องที่สี่ คืออินดิเคเตอร์ของรถยนต์ (ตัวให้สัญญาณไฟจากรถ) ในสหราชอาณาจักรและทุกประเทศในยุโรปจะอยู่ที่ด้านซ้ายของพวงมาลัย แต่ที่ออสเตรเลียรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอินดิเคเตอร์อยู่ที่ด้านขวา

อันนี้จิงโจ้นิวส์ก็ไม่เคยสังเกต จึงออกไปดูรถที่จอดหน้าบ้าน พบว่าอยู่ที่ด้านขวา

เรื่องที่ห้า เรื่องของทรงผม เธอพบว่าชาวออสเตรเลียทั้งชายและหญิงนิยมไว้ผมทรง mullet ซึ่งเป็นทรงผมยอดนิยมในยคทศวรรษที่ 1970s และ 1980s

ทรงผม mullet คือการตัดผมด้านหน้าให้สั้นแล้วปล่อยผมด้านหลังให้ยาว หรือที่คนไทยเรียกว่า “ทรงรากไทร”

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS ในเดือนสิงหาคม 2022 รายงานถึงเหตุที่ทำไมทรงผม mullet จึงติดเทรนในออสเตรเลีย พบว่ามันเริ่มฮิตในรัฐควีนสแลนด์ในปี 2020 จากนั้นมานิยมแพร่หลายเมื่อนาย Ryan Papenhuyzen และนาย Josh Papali’i นักกีฬารักบี้ลีกและนาย Bailey Smith นักกีฬาออสเตรเลียนฟุตบอลต่างไว้ผมทรงนี้ จากน้นก็ระบาดกันทั่วประเทศพอ ๆ กับไวรัสโควิด-19 ระบาด

เรื่องที่หก ก็คือเรื่องนมสดในออสเตรเลีย Charlee กล่าวว่ารสชาติของนมในออสเตรเลียไม่เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
#หมายเหตุ สังเกตดูจากถอยคำของเธอแล้ว เหมือนกับจะบอกว่านมสดของออสเตรเลียสู้ประเทศอื่น ๆ ไม่ได้

จิงโจ้นิวส์ขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์สิ่งที่ประทับใจที่สุดในชีวิตของผู้อพยพจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เมื่อครั้งอพยพมาอยู่ออสเตรเลียใหม่ ๆ ที่จำได้แม่นยำมากก็คือผู้ชายเกาหลีใต้ทุกคนออกมาให้ความเห็นเหมือนกันก็คือ ช่วงชีวิตที่พวกเขาประทับใจมากที่สุดก็คือตอนเป็นทหารเกณฑ์ ส่วนจิงโจ้นิวส์ตอบว่าช่วงชีวิตที่ประทับใจที่สุดคือตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย

และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ออกจากปากผู้อพยพจากทั่วโลกโดยเฉพาะจากยุโรปและอเมริกาใต้พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวว่า แก้วแรกที่ได้ดื่มนมสดในประเทศออสเตรเลีย พวกเขารับรู้ถึงความอร่อยที่แตกต่างไปจากนมสดในประเทศที่พวกเขาจากมา

จิงโจ้นิวส์ไม่มีความรู้สึกนี้กับการดื่มนมแก้วแรกในออสเตรเลีย แต่เชื่อว่าพวกเขาพูดความจริง

jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: ข่าวรัฐนิวเซาท์เวลส์, ข่าวออสซี่, ข่าวออสเตรเลีย, ทรงผมรากไทร mullet, ประเทศออสเตรเลีย, รัฐนิวเซาท์เวลส์, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, อังกฤษ, culture shock