
Lara Bingle ผู้ใช้คำว่า “So where the bloody hell are you?” ในโฆษณาการท่องเที่ยวออสเตรเลียเมื่อสิบกว่าปีก่อน : ภาพป๊อปอาร์ตโดยจิงโจ้นิวส์
27 ส.ค. 2022 หลังจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกต้องshipหายวอดวายเพราะไวรัส COVID-19 จากนั้นประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ีเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วย Phuket Sandbox เป็นโครงการนำร่อง แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากจนหลายประเทศทำตาม
ออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ถึงวันนี้ 6 เดือนแล้ว ผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลียออกมาตั้งคำถามอย่างมีอารมณ์ถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า “So where the bloody hell are they?” เป็นคำถามที่แสบสันเข้าไปถึงทรวงรัฐบาล ประโยคคำถามนี้มีที่มา ซึ่งจิงโจ้นิวส์จะขอกล่าวถึงในท้ายข่าวนี้
ในสัปดาห์นี้ออสเตรเลียเข้าสู่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศครบหกเดือนพอดี แต่ยอดนักท่องเที่ยวยังห่างไกลจากจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อก่อนไวรัส COVID-19 ระบาดมาก
สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาเยือนออสเตรเลียด้วยวีซ่าระยะสั้นทั้งสิ้น 275,300 คน เทียบกับในเดือนมิถุนายนปี 2019 ก่อนที่ไวรัส COVID-19 จะเริ่มระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2019 เป็นต้นไป ในเดือนนั้นมีผู้เข้าประเทศระยะสั้นถึง 660,340 คน
ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวที่ขาดหายไป กระทรวงกิจการภายในประเทศเปิดเผยว่าขณะนี้มีแบ็คแพ็คเกอร์หรือผู้ถือวีซ่าทำงาน-ท่องเที่ยว (WHM visa) อยู่ในระหว่างยื่นเรื่องขอเข้ามาในประเทศ 13,700 คน ในขณะที่ยังมีผู้ถือวีซ่าทำงาน-ท่องเที่ยวที่ยังไม่หมดอายุ 70,060 คนยังอยู่ในต่างประเทศ
นั่นหมายถึงแรงงานตามฤดูกาลเกือบ 84,000 คนไม่ได้เข้ามาในประเทศ ในช่วงเวลาที่ออสเตรเลียต้องการแรงงานอย่างมาก

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว ABC วันที่ 27 สิงหาคม 2022 เสนอข่าว การท่องเที่ยวออสเตรเลียหลังโควิด-19 ยังคงรอคอยนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ในขณะแบ็คแพ็คเกอร์ยังไม่กลับเข้ามาในประเทศ
ผู้เชี่ยวกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวขาดหายไปมีสองประการหลักก็คือค่าเครื่องบินที่สูงขึ้นอย่างมากและความล่าช้าของรัฐบาลในขบวนการพิจารณาออกวีซ่า
ทั้งสองสาเหตุจิงโจ้นิวส์ได้รับการตอกย้ำจากหลานชายและหลานสะใภ้ที่พาหลานปู่ของผมมาพักผ่อนช่วงโรงเรียนปิดเทอมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ค่าเครื่องบินแพงเป็นเท่าตัวตกคนละกว่า 50,000 บาท การขอวีซ่าท่องเที่ยวก็ต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าจะอนุมัติ ยิ่งวีซ่านักเรียนแล้วยิ่งต้องใช้เวลานานมาก จนญาติของหลานสะใภ้ต้องเปลี่ยนใจไปสมัครเรียนประเทศอื่นแทน
นอกจากนั้นกฎคุมเข้ม COVID-19 ของแต่ละประเทศยังส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวหลักของออสเตรเลียขาดหายไป อย่างเช่นจีนและญี่ปุ่นเป็นต้น
ประกอบกับการกลับเข้ามาของเรือสำราญขนาดใหญ่ยังคงล่าช้า เนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 กระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง
สำนักข่าว ABC ได้รายงานถึงผู้อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่าสิบแห่งทั่วประเทศ ออกมาแสดงความเห็นถึงการขาดหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะเปิดประเทศแล้ว แต่จิงโจ้นิวส์ขออนุญาตไม่นำเสนอ แต่จะขอเล่าสู่กันฟังถึงประโยค “So where the bloody hell are they?” ที่พวกเขานำขึ้นมาเหน็บแนมรัฐบาล
ประโยคคำถามนี้มีต้นกำเนิดมาจากทีมงานครีเอทีฟของเอเยนซี่ M&C Saatchi ผู้รับทำโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวของสำนักงานท่องเที่ยวออสเตรเลียในปี 2006
โฆษณาชุดนี้ช่วงหนึ่งได้ใช้ Lara Bingle นางแบบบิกินีชาวอังกฤษ มาถ่ายทำที่ชายหาด Fingal Bay ที่ Port Stephens ในรัฐนิวเซาท์เวลส์
ฉากหนึ่งในโฆษณาเธอได้เชิญชวนการท่องเที่ยวว่า “So where the bloody hell are you?” หรือ “แล้วคุณไปอยู่ที่ไหนกันวะ?” หรือ “แล้วพวกมึงหายหัวไปไหนกัน?” อะไรทำนองนั้น ตอนนั้นโฆษณาชุดนี้ถูกโจมตีทั่วสารทิศว่าหยาบคายไม่เหมาะสมกับการส่งเสริมการขายระดับประเทศ
แต่ปรากฎว่าโฆษณาชุดนี้ได้ผล คนติดหูประโยคที่หยาบยคายในตอนนั้น ส่วน Lara Bingle จากนางแบบโนเนมกลายเป็นนางแบบที่ทั่วโลกรู้จัก และ “So where the bloody hell are you?” ถูกนำมาใช้ในหลายโอกาส
รวมถึง “So where the bloody hell are they?” ในครั้งนี้ด้วยครับ
Link คลิปวิดีโอโฆษณาการท่องเที่ยวออสเตรเลียปี 2006 ซึ่งมี Lara Bingle พูดว่า “So where the bloody hell are you?” เป็นโฆษณาฉบับย่อจาก Tourism Australia USA
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply