
พบแรงงานโดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวยอมไปทำงานแม้ตัวเองจะมีอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เหตุเพราะกลัวสูญเสียรายได้ : ภาพป๊อปอาร์ตโดยจิงโจ้นิวส์
18 พ.ค. 2022 จิงโจ้นิวส์เคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังถึง “ผิวเนียน” นักศึกษาเภสัชฯชาวอินโดนีเซียที่อยู่ในความดูแล เธอติดเชื้อ COVID-19 ครบเจ็ดวันยังมีอาการและตรวจผล RCP เป็นบวก พอครบ 14 วันเธอไม่มีอาการและไปทำงานทันที เนื่องจากร้านเทคอะเวย์ที่เธอทำงานขาดคนงานและตอนนั้นรัฐบาลได้ออกกฎใหม่ว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องกักกันตัวอีกต่อไป
ผิวเนียนบอกว่า ตอนนั้นเธอไม่ไปตรวจ RCP เพราะเชื่อแน่ว่า ขืนตรวจผลออกมาจะเป็นบวกจากเชื้อตายซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ … วัน (จำไม่ได้) มันจะสลายไปเอง
ในวันนี้สถาบัน Australia Institute ได้รายงานผลจากการออกสำรวจทั่วประเทศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่ามีชาวออสเตรเลีย 19% ยอมรับว่าพวกเขาออกจากบ้านไปทำงานแม้ว่ามีอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของตน, เพื่อนร่วมงานและชุมชน
ประมาณ 1 ใน 3 ของแรงงานกลุ่มนี้ เป็นลูกจ้างในวัยหนุ่มสาวที่กังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำงานได้ และเห็นว่าต้องออกไปทำงานเพื่อรักษางานของตนเอาไว้
นาย Jim Stanford ผู้อำนวยการศูนย์ Centre for Future Work ของสถาบัน Australia Institute กล่าวว่า แรงงานหลายล้านคนได้ใช้การลาป่วยซึ่งได้รับค่าจ้างและที่ไม่ได้รับค่าจ้างหมดไปแล้ว แต่เมื่อป่วยขึ้นมาอีก ก็จำเป็นต้องไปทำงาน
จึงไม่ต้องสงสัยว่า การที่พวกเขาไปทำงานเท่ากับไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อสู่เพื่อนร่วมงาน และจะซ้ำหนักเข้าไปอีก หากผู้นั้นติดเชื้อ COVID-19 แต่หลายคนอ้างถึงความจำเป็นต้องทำงานมิฉะนั้นจะไม่มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว
นาย Stanford ได้เรียกร้องให้รัฐบาลขยายสิทธิ์การจ่ายเงินค่าลาป่วยสำหรับพนักงานทุกคน รวมถึงลูกจ้างรายวันและผู้ทำงานที่ไม่มีนายจ้าง ในช่วงที่ไวรัส COVID-19 ยังคงระบาด
รายงานชุดนี้ยังพบว่าการล็อกดาวน์และการใช้มาตรการคุมเข้มได้ส่งผลกระทบต่อเด็กและวัยรุ่นทำให้เกิดการทำให้ตัวเองเจ็บป่วยถึงกับต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้น
จากการวิจัยคนไข้ในวัย 12 ถึง 17 ปีในระหว่างเดือนมกราคมปี 2015 ถึงมิถุนายนปี 2021 (42 เดือน) จำนวน 813 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เข้ารับการรักษาตัวในช่วง 15 เดือนแรกของ COVID-19 ระบาดในระหว่างเดือนเมษายนปี 2020 ถึงเดือนมิถุนายนปี 2021 จำนวน 230 คน
เมื่อ COVID-19 เริ่มระบาด การทำให้ตัวเองเจ็บป่วยเข้ารักษาตัวในห้อง ICU ต่อเดือนต่อเด็กและวัยรุ่นได้เพิ่มจาก 7.2 คนในเดือนมีนาคม 2020 เปรียบเทียบกับช่วงที่ COVID-19 ระบาดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2020 ที่ 11.4 ต่อคน
นพ. Felix Oberender ผู้อำนวยการฝ่ายห้องไอซียูเด็ก (PICU) แห่งโรงพยาบาลเด็ก Monash Children’s Hospital กล่าวว่า ตัวเลขที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง
เขากล่าวว่า ในปี 2020 คณะแพทย์ส่วนใหญ่คิดว่า แม้ไวรัส COVID-19 จะระบาดอย่างหนักแต่อย่างน้อยเด็กเล็กก็ยังโอ.เค.
แต่ในตอนนี้ปี 2022 ทุกคนรับรู้ความจริงว่าเด็ก ๆ ไม่โอ.เค.แล้ว
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply