ข่าว 7 News เจอหางเลขพาดหัวข่าวนัดชิงบอลยุโรปเชิงเหยียดผิว

ข่าวออนไลน์ 7 News วันที่ 13 ก.ค. 2021 กลายเป็นข่าวเจ้าปัญหา ด้วยการเสนอข่าวผู้เล่นผิวดำสามคนยิงจุดโทษพลาดทำให้อังกฤษแพ้อิตาลี 3 ต่อ 2

13 ก.ค. 2021 ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากผลการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปปี 2020 หรือ Euro 2020 (เลื่อนมาแข่งในปี 2021) ที่เพิ่งจบลง หลังจากทีมชาติอังกฤษดวลลูกโทษแพ้ทีมชาติอิตาลี ทำให้ชาวอังกฤษจำนวนหนึ่งที่เฝ้ารอแชมป์ใดแชมป์หนึ่งมาเป็นเวลา 55 ปีไม่พอใจ ได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงพฤติกรรมรังเกียจผิวสีต่อนักฟุตบอลผิวดำ 3 คนที่ยิงจุดโทษไม่เข้า

เจ้าชายวิลเลียมดยุกแห่งเคมบริดจ์เป็นหนึ่งในผู้ออกมาตำหนิผู้ตั้งเป้าเหยียดสีผิวต่อ Bokayo Saka (จากทีมอาร์เซนอล), Marcus Rashford (จากทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด)และ Jadon Sancho (ผู้เล่นใหม่ถอดด้ามของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) ซึ่งยิงลูกโทษไม่เข้า

นาย Gareth Southgate ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษกล่าวถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และเป็นสิ่งสมาชิกในทีมทุกคนยอมรับไม่ได้

เจ้าชายวิลเลี่ยมซึ่งเป็นองค์ประธานของสมาคมฟุตบอล (FA) ของอังกฤษได้ทวิตเตอร์ว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจต่อการแสดงความรังเกียวผิวสีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษหลังจากสิ้นสุดการแข่งขันเมื่อคืนนี้ เป็นการยอมรับไม่ได้อย่างแท้จริง ที่ผู้เล่นต้องมาเผชิญกับพฤติกรรมที่น่ารังเกียจนี้”

อย่างไรก็ตามทีวีช่อง 7 ของออสเตรเลียก็ได้รับการโจมตีอย่างหนัก หลังจากโพสต์ข่าวออนไลน์ในเชิงเกลียดชังผิวสีนักฟุตบอลทั้งสามราย

7 News ได้พาดหัวข่าวว่า “ผู้เล่นผิวดำสามคนยิงจุดโทษไม่เข้าทำให้อังกฤษแพ้ 3 ต่อ 2 ต่อทีมอิตาลี”

ข่าวนี้ได้รับการโจมตีอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว

เพียงไม่นานทีวี 7 ได้ออกแถลงข่าวขออภัย และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

Link คลิปวิดีโอ คลิปข่าวจาก 7 News ถูกถอนออกไปแล้ว และมีคลิปวิดีโอเกี่ยวกับข่าวนี้จำนวนมากให้เลือก แต่จิงโจ้นิวส์ขอเลือกลิ้งค์จาก Optus Sport ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายถอดสดในออสเตรเลีย เสนอข่าวอิตาลีดวลจุดโทษชนะทีมชาติอังกฤษ หลังจากเสมอกัน 1 ต่อ 1 จากการแข่งขันรวมต่อเวลา 120 นาที

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: