
นาย Samed Eriklioglu (ซ้าย) และนาย Ertunc Eriklioglu พี่ชาย (ขวา) สองในสามจำเลยคดีก่อการร้ายถ่ายภาพร่วมกับบิดา (คนกลาง) ทั้งสองชูนิ้วชี้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเชิดชูกลุ่มรัฐอิสลาม
28 มี.ค. 2021 ข่าวที่นำมาเสนอเป็นหนึ่งในสองสามข่าวที่เผยแพร่ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการบอกให้ทราบว่าความพยายามก่อการร้ายในออสเตรเลียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ที่ผ่านมาทางการออสเตรเลียใช้นโยบายตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ยอมให้เกิดขึ้น จึงไม่มีเรื่องราวตื่นเต้นอย่างในอเมริกาและยุโรปที่เป็นข่าวกระจายไปทั่วโลก
รายงานข่าวนี้สื่อมวลชนออสเตรเลียนำเสนอมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เป็นข่าวนักก่อการร้ายผู้ผิดหวังสามรายได้ยอมรับสารภาพผิดว่ามีแผนก่อการสังหารหมู่ในที่ชุมชนของนครเมลเบิร์น โดยเหตุเกิดเมื่อสองปีเศษที่ผ่านมา
จำเลยทั้งสามประกอบด้วยนาย Hanifi Halis วัย 23 ปี, นาย Samed Eriklioglu วัย 28 ปีและพี่ชายของเขานาย Ertunc Eriklioglu วัย 33 ปีถูกนำขึ้นพิจารณาคดีจากห้องขังโดยผ่านระบบวิดีโอมายังศาลเคาน์ตี้ (ศาลอาญาชั้นต้น) ในนครเมลเบิร์นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
จำเลยทั้งสามยอมรับว่าร่วมกันสมคิดในการซื้ออาวุธปืน 1 กระบอกและวางแผนที่จะนำมาใช้กราดยิงใส่ฝูงชนในระหว่างวันที่ 9 ถึง 19 พฤศจิกายนปี 2018
เมื่อผู้พิพากษา Michael O’Connell ถามจำเลยเรียงตัวว่าจะยอมรับสารภาพผิดหรือไม่ จำเลยทั้งสามคนเริ่มจากนาย Halis ตอบว่า “Guilty,” หรือ “ยอมรับผิดครับ”
(หมายเหตุ คดีนี้จำเลยทั้งสามยอมรับสารภาพผิดเนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน)
ภายใต้กฎหมายการก่อการร้ายของออสเตรเลีย ได้เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมและสามารถเอาผิดผู้ก่อการร้ายก่อนที่จะลงมือกระทำได้ ตอนหนึ่งระบุว่า “การก่อการร้ายเป็นการลงมือกระทำหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องต้องการมุ่งร้ายต่อสมาชิกของชุมชนด้วยอาวุธปืน”
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของออสเตรเลียได้ติดตามจำเลยทั้งสามผู้เลื่อมใสกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงรัฐอิสลาม (IS หรือ ISIS หรือ ISL) อย่างลับ ๆ และตัดสินใจจู่โจมเข้าจับกุมวันสังหารหมู่ อย่างไรก็ตามทางการได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดและสถานที่เป้าหมายในการก่อการร้าย
จำเลยทั้งสองยังคงถูกกักขังต่อไป จนกว่าจะถึงกำหนดพิจารณากล่าวก่อนตัดสินโทษและกำหนดลงโทษในเดือนมิถุนายน
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply