จีนเอาคืนตั้งเป้าถล่มออสเตรเลียละเมิดสิทธิมนุษย์ชนคนพื้นเมืองและคนชรา

ประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีนกล่าวในพิธีเปิดงานแสดงสินค้านานาชาติ China International Import Expo ครั้งที่สามในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันพุธที่ 18 พ.ย. 2020 : เครดิตภาพ Global Times

19 พ.ย. 2020 จีนสวมวิญญาณสัญชาตญาณงูพิษเอาคืนออสเตรเลียหลังจากผู้นำออสเตรเลียรับหน้าที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐโจมตีจีนอย่างต่อเนื่องรวมถึงกรณีของ COVID-19 และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในธิเบต, ฮ่องกงและอู่กุ่ย

ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเดินแผนโจมตีออสเตรเลียต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวพื้นเมืองในประเทศออสเตรเลียและในกิจการดูแลคนชรา

ความตึงเครียดระหว่างสองชาติเพิ่มทวีขึ้นหลังจากในวันนี้ (19 พ.ย. 2020) นาย Scott Morrison ออกมายืนกรานว่าจะไม่ประนีประนอมบนเรื่องความมั่นคงของประเทศหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหลังจากสถานทูตจีนเปิดเผยข้อข้องใจ 14 ข้อที่จะส่งผลต่อการค้ามูลค่า 20 พันล้านเหรียญของออสเตรเลีย

สถานทูตจีนกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียเสื่อมถอยลงไปอีกเมื่อรัฐบาลของนาย Morrison ตัดสินใจแบนโทรศัพท์มือถือ Huawei, ให้เงินสนับสนุนสถาบันวิจัย Australian Strategic Policy Institute ซึ่งเป็นสถาบันต่อต้านจีน, เข้าขัดขวางการลงทุนจากจีน 10 โครงการ, ต่อจากเป็นผู้นำในการเรียกร้องให้มีการสอบสวนอิสระระดับนานาชาติในเรื่องที่มาของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019และข้อขัดแย้งอื่น ๆ

ประเทศจีนเป็นประเทศที่รับซื้อสินค้าออกจากออสเตรเลียในสัดส่วนทั้งสิ้น 4 ใน 10 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด และได้สร้างงาน 1 ใน 13 ของแรงงานในออสเตรเลีย

ประธานาธบดี Xi Jinping ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งในขณะแถลงข่าวว่า “ถ้าคุณตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีน จีนก็จะเป็นศัตรูกับคุณ” : ภาพข่าวจากนสพ. The SMH

เจ้าหน้าที่ทางการทูตของจีนกล่าวว่า จีนจะใช้เวทีนานาชาติในการพูดถึงปัญหาชนเผาพื้นเมืองและการปฏิบัติต่อผู้สูงอายุในออสเตรเลีย พร้อมกับพูดประโยคทิ้งท้ายให้คิดว่า “ทำไม(เรา)ต้องปิดปากเงียบด้วย?”

ในเวทีโลกจีนถูกกล่าวหาว่าได้กักกันเสรีภาพชนเผ่าอู่กุ่ย (Uighur) นับถือมุสลิมจำนวน 1 ล้านคนไว้ในค่ายปรับทัศนคติซินเจียง* มีหลายสิบประเทศ (dozens of countries ) ได้โจมตีรัฐบาลจีนต่อการละเมินสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียง รวมถึงการโจมตีจีนต่อการใช้ความรุนแรงในการปรามปราบผู้ประท้วงในฮ่องกง

(หมายเหตุ *ค่ายปรับทัศนคติซินเจียง หรือ Xinjiang re-education camps เป็นชื่อที่ฝ่ายต่อต้านจีนตั้งให้ ส่วนชื่อที่จีนตั้งอย่างเป็นทางการแปลเป็นภาษาไทยว่า ศูนย์อาชีวศึกษาและฝึกอบรมอาชีพ หรือ Vocational Education and Training Centers)

กลุ่มที่ปรึกษาองค์การด้านสิทธิมนุษยชนในนาม Human Rights Watch หรือ HRW ได้กล่าวหาจีนว่า เป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ และป้ายสีว่า “เป็นผู้ส่งออกการละเมิดสิทธิมนุษยชน”

ในทางกลับกันออสเตรเลียได้ถูกนานาชาติโจมตีว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนเผ่าพื้นเมือง รายงานพบว่าชนเผ่าพื้นเมืองถูกปล่อยให้เป็นคนกลุ่มที่มีอายุคาดต่ำที่สุด, มีอัตราการเสียชีวิตของทารกสูงที่สุด, มีผลการสำรวจเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพย่ำแย่ที่สุด, การศึกษาต่ำที่สุด, จนที่สุดและมีอัตราการว่างงานสูงที่สุด

ชนเผ่าพื้นเมืองในออสเตรเลียมีประชากรเพียง 2% ของประชากรทั้งประเทศ แต่มีอัตราเป็นนักโทษเต็มเวลา 27% ของนักโทษทั้งหมด

ในขณะที่คณะกรรมการไต่สวนแห่งชาติในเรื่องของการดูแลคนชรา (ACRC) พบระบบดูแลผู้สูงอายุชาวออสเตรเลียล้มเหลว ไม่สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุ พร้อมกับมีรายงานการทารุณกรรมและไม่ดูแลพวกเขาเท่าที่ควรอยู่ทั่วระบบงาน

ผลการไต่สวนของ ACRC ในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยของคนชราได้พบหลักฐานถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

ในขณะที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) ของสหรัฐในทำเนียบขาวออกมาให้การสนับสนุนรัฐบาลของนาย Morrison อย่างทันควัน โดยกล่าวว่าจีนกำลังโกรธและบ้าคลั่งจึงดำเนินการทูตแบบนักรบหมาป่า (Wolf Warrior diplomacy) อย่างไรก็ตามมีประเทศที่มากกว่าที่เข้าข้างออสเตรเลีย

ในวันนี้ (พฤหัสฯที่ 19 พ.ย. 2020) รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศ Five Eyes ประกอบด้วยแคนาดา, สหรัฐ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ออกมากดดันรัฐบาลจีนหลังจากได้ตัดสิทธิ์ผู้แทนจากพรรคฝ่ายค้านจากการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ โดยอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: