สรุปสถานการณ์ไวรัส COVID-19 วันที่ 6 พ.ค. 2020 / เส้นกร๊าฟควบคุม COVID-19 กลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง

ข่าวออนไลน์นสพ. The Press ของนิวซีแลนด์ฉบับ 5 พ.ค. 2020 เสนอข่าวนิวซีแลนด์ไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นครั้งแรกในรอบ 49 วัน แต่ได้ขอให้ชาวกีวีอย่าดีใจจนละเลยการรักษาวินัยของตนเอง ส่วนข่าวล่างเป็นความหวังของนาง Jacindra Ardern นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ที่จะได้นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียเป็นโบนัสหลังจากประสบความสำเร็จในการเจรจาการเปิดอาณาเขตท่องเที่ยวข้ามทะเลแทสมัน

6 พ.ค. 2020 ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ในออสเตรเลียวันนี้เพิ่มขึ้นอีก 26 รายเป็น 6,875 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คนเป็น 97 คน และผลการทดสอบการตรวจเชื้อทั่วประเทศทำไปแล้ว 688,656 คน พบผู้ติดเชื้อที่เฉลี่ย 1.0%

ในวันนี้เหลือผู้ป่วยติดเชื้อทั้งสิ้น 798 คน เป็นผู้เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 62 คนและในห้องไอซียูอีก 27 คน ส่วนที่เหลือเก็บตัวพักฟื้นอยู่ตามที่พักอาศัยและหอผู้ป่วยเฉพาะโรค (hospitel)

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS  วันที่ 6 พ.ค. 2020 เสนอข่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานถึงการกักตุนสินค้าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายคนเชื่อว่ากระดาษชำระเป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่แท้ไม่ใช่

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ABS) ได้เปิดเผยถึงตัวเลขการกักตุนสินค้าในเดือนมีนาคมที่เพิ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ พบว่าสินค้ากักตุนของผู้ตื่นตระหนกไวรัส COVID-19 อันดับหนึ่งคือซุปผสมชนิดบรรจุกระป๋องและชนิดแห้งมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น 180%

อันดับสองได้แก่แป้งทำอาหารเพิ่มขึ้น 150% ส่วนกระดาษชำระในห้องน้ำที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งเพราะเกลี้ยงแผงขายมาตลอดแท้จริงอยู่อันดับที่สามโดยเพิ่มขึ้น 110% ตามมาติด ๆ ด้วยพาสต้า, ก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูป, และผักกระป๋อง ส่วนสุราและเบียร์ก็ผิดคาดเพราะมียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 30% เท่านั้น

ภาพ ข่าวออนไลน์นสพ. The Daily Telegraph วันที่ 6 พ.ค. 2020 เสนอข่าวพิธีศพของนาย Michael McMahon ‘ชายเจ้าเสน่ห์’ เจ้าของร้านอาหารระดับไอคอน Catalina ในวันนี้ (6 พ.ค. 2020) มีรายชื่อผู้เข้าร่วมพิธีศพจำนวนมากโดยผ่านหน้าจอแล็บท็อปและโทรศัพท์มือถือ ส่วนในสถานที่จัดงานมีเฉพาะคนในครอบครัวและคนสนิท เท่าที่จิงโจ้นิวส์จำได้แม่นพ.ร.ก.ฉุกเฉินกำหนดให้ผู้เข้าพีธีแต่งงานได้ไม่เกิน 5 คน ส่วนพิธีศพถ้าจำไม่ผิดไม่เกิน 10 คน ผิดพลาดต้องขออภัย

สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกล่าสุด

ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 สะสมทั่วโลก 50 ประเทศแรก ณ เวลา 21.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2020 จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว 3,709,800 คน แยกเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา 1,210,822 คน, สเปน 219,329 คน, อิตาลี 214,457 คน, สหราชอาณาจักร 202,355 คน, ฝรั่งเศส 170,694 คน, เยอรมนี 167,372 คน, รัสเซีย 165,929 คน, ตุรกี 131,744 คน, บราซิล 116,299 คน, อิหร่าน 101,650 คน, จีน 83,968 คน, แคนาดา 63,281 คน, อินเดีย 52,340 คน, เปรู 51,186 คน, เบลเยี่ยม 50,781 คน, เนเธอร์แลนด์ 41,518 คน,  ซาอุดิอาระเบีย 31,938 คน, เอกวาดอร์ 31,881 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 30,060 คน, โปรตุเกส 26,182 คน, เม็กซิโก 26,025 คน, สวีเดน 23,918 คน, ชิลี 23,048 คน, ปากีสถาน 22,550 คน, ไอร์แลนด์ 21,983 คน, สิงคโปร์ 20,198 คน, เบลารูส 19,255 คน, กาตาร์ 17,972 คน, อิสราเอล 16,314 คน, ออสเตรีย 15,684 คน, ญี่ปุ่น 15,252 คน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 15,192 คน, โปแลนด์ 14,740 คน, โรมาเนีย 14,107 คน, ยูเครน 13,184 คน, อินโดนีเซีย 12,438 คน, บังคลาเทศ 11,719 คน, เกาหลีใต้ 10,806 คน, เดนมาร์ก 10,136 คน, ฟิลิปปินส์ 10,004 คน, เซอร์เบีย 9,677 คน, สาธารณรัฐโดมินิกัน 8,807 คน, โคลัมเบีย 8,613 คน, นอรเวย์ 7,976 คน, สาธารณรัฐเช็ก 7,933 คน, อียิปต์ 7,588 คน, แอฟริกาใต้  7,572 คน, ปานามา 7,523 คน, ออสเตรเลีย 6,875 คน,และมาเลเซีย 6,428 คน / ประเทศไทย 2,989 คน (ไทยอยู่อันดับที่ 62 ของโลก ของไทยวันนี้มีผู้ป่วยเพิ่ม 1 คนเป็นแรงงานหญิงไทยกลับจากรัสเซีย), 

และผู้เสียชีวิตจากข้อมูลของมหาวิทยลัยจอห์นฮอปกินส์มีทั้งสิ้น 259,695 คน แยกผู้เสียชีวิตจากมากไปหาน้อยดังนี้ สหรัฐ 71,463 คน, สหราชอาณาจักร 30,150 คน (ครองอันดับสองเป็นครั้งแรก), อิตาลี 29,684 คน,  สเปน 25,613 คน, ฝรั่งเศส 25,538 คน, เบลเยี่ยม 8,339 คน, บราซิล 7,966 คน, เยอรมนี 6,993 คน,  อิหร่าน 6,418 คน, เนเธอร์แลนด์ 5,221 คน, จีน 4,637 คน, แคนาดา 4,190 คน, ตุรกี 3,584 คน, สวีเดน 2,941 คน, เม็กซิโก 2,507 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 1,795 คน, อินเดีย 1,768 คน, เอกวาดอร์ 1,569 คน, รัสเซีย 1,537 คน, เปรู 1,444 คน, ไอร์แลนด์ 1,339 คน, โปรตุเกส 1,089 คน, อินโดนีเซีย 895 คน, โรมาเนีย 858 คน, โปแลนด์ 733 คน, ฟิลิปปินส์ 658 คน, ออสเตรีย 608 คน, ญี่ปุ่น 556 คน, ปากีสถาน 526 คน, เดนมาร์ค 506 คน,  อัลจีเรีย 446 คน, อียิปต์ 469 คน, โคลัมเบีย 378 คน, ฮังการี 373 คน,และสาธารณรัฐโดมินิกัน 362 / ออสเตรเลีย 97 คน (แยกเป็นน.ซ.ว. 44 คน, วิกตอเรีย 18 คน, แทสเมเนีย 13 คน, เวสเทิร์นออสเตรเลีย 9 คน, ควีนสแลนด์ 6 คน, เซาท์ออสเตรเลีย 4 คนและ ACT 3 คน) และประเทศไทย 55 คน (ผู้เสียชีวิตเป็นชาวออสเตรเลียผู้จัดการ[เจ้าของ]รีสอร์ทท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ หวังว่าไม่ใช่คนที่จิงโจ้นิวส์รู้จัก)

มีผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายแล้วข้อมูลจากสารนุกรมเสรีวิกิพีเดียมีทั้งสิ้น 1,207,548 คน เรียงจากมากไปหาน้อย สหรัฐอเมริกา 164,983 คน, เยอรมนี 129,853 คน, สเปน 126,002 คน, อิตาลี 93,245 คน, จีน 77,911 คน (เหลือผู้ป่วย 339 คน), อิหร่าน 81,587 คน, ตุรกี 78,202 คน, ฝรั่งเศส 51,736 คน, บราซิล 48,221 คน, แคนาดา 27,809 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 25,400 คน, รัสเซีย 21,327 คน, เปรู 14,427 คน, อินเดีย 14,183 คน, ออสเตรีย 13,639 คน, (เหลือผู้ป่วย 1,342 คน), เบลเยี่ยม 12,731 คน, ชิลี 10,710 คน, อิสราเอล 10,527 คน, เกาหลีใต้ 9,333 คน (เหลือผู้ป่วย 1,218 คน), เดนมาร์ก 7,493 คน, (เหลือผู้ป่วย 1,939 คน), ปากีสถาน 6,217 คน, ออสเตรเลีย 5,980 คน (เหลือผู้ป่วย 798 คน), โรมาเนีย 5,788 คน, ซาอุดิอาระเบีย 5,431 คน, มาเลเซีย 4,702 คน (เหลือผู้ป่วย 1,619 คน), ญี่ปุ่น 4,587 คน, โปแลนด์ 4,280 คน, สาธารณเช็ค 4,017 คน, และลักเซมเบิร์ก 3,412 คน (เหลือผู้ป่วย 332 คน), / ประเทศไทย 2,761 คน (เหลือผู้ป่วย 173 คน),  (หมายเหตุ ที่มีวงเล็บต่อท้ายเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยจนเหลือต่ำกว่า 2,500 คน และสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีรายงานผู้หายป่วยมาตั้งแต่แรก)

ข่าวออนไลน์นสพ. The Age วันที่ 7 พ.ค. 2020 เสนอข่าว ผ่อนกฎล็อกดาวน์ส่งผลให้ชาวเมลเบิร์นหลั่งไหลกันเข้าสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกันเนืองแน่น จนเป็นห่วงในเรื่องของการละเลยกฎการทิ้งระยะทางทางสังคม

รายงานยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในออสเตรเลีย

ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากตัวเลขล่าสุดโดยกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย ณ 15.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2020 มีผู้ติดเชื้อ 6,875 คน  โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 26 คนนับจากเวลา 15.00 น.ของเมื่อวานนี้สามารถแยกผู้ป่วยเป็น (ม.จอห์นฮอปกินส์ระบุออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ 6,875 คน ส่วนวิกีพีเดียระบุ 6,794 คน [ปรับให้น้อยลง เมื่อวานยังอยู่ที่ 6,849 คน])

รัฐน.ซ.ว. 3,042 คน, รัฐวิกตอเรีย 1,440 คน, รัฐควีนสแลนด์ 1,043 คน, รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย 551 คน, รัฐเซาท์ออสเตรเลีย 438 คน, รัฐแทสเมเนีย 225 คน, ออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี 107 คน,  นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี 29 คน 

ในจำนวนนี้เสียชีวิต 97 คน มีผู้รักษาหาย 5,984 ราย, มีการทดสอบการตรวจเชื้อทั่วประเทศแล้วกว่า 688,000 คน โดยพบผู้ติดเชื้อในอัตรา 1.0%   

ในจำนวนผู้ติดเชื้อรวมถึงผู้มาจากเรือสำราญ Diamond Princess จำนวน 10 คน แยกเป็นรัฐวิกตอเรีย 4 คน, ควีนสแลนด์ 3 คน, เวสเทิร์นออสเตรเลีย 2 คน และเซาท์ออสเตรเลีย 1 คน

หากต้องการควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 ให้ได้ จำเป็นจะต้องรักษาปัจจัยการเจริญเติบโตไม่ให้เกิน 1.0 ณ ในภาพจะเห็นเส้นกร๊าฟสีแดงอยู่เหนือระดับ 1.0 แต่หลังจากรัฐต่าง ๆ ผ่อนคลายการปลดล็อคเส้นกร๊าฟได้กลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง โดยวันที่ 6 พฤษภาคมอยู่ที่ 1.05 : ภาพกร๊าฟจากสำนักข่าว ABC

ข่าวสังคมออนไลน์นสพ. The Mercury วันที่ 6 พ.ค. 2020 หลังจากรัฐแทสมาเนียเจอฝันร้ายไวรัส COVID-19 เล่นงานจนกลายเป็นรัฐเดียวที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขี้นอย่างน่าวิตก อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขของรัฐไ่ม่สามารถให้ข้อมูลสถานการณ์ระบาดได้ แต่ถึงเช้าวันพุธที่ 6 พ.ค.รัฐแทสซี่ไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นเวลา 6 วันติดต่อกัน และสามารถแจกแจงรายละเอียดได้แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อสิ้นสุดวันที่ 6 พ.ค. รัฐแทสซี่การ์ดตกมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2 คน

ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศนิวซีแลนด์และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อในนิวซีแลนด์ในวันนี้อยู่ที่ 1,488 คน มีผู้เสียชีวิต 21 คน และรักษาหายแล้ว 1,302 คน

ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สะสมเรียงจากมากไปหาน้อยดังนี้  สิงคโปร์ 20,198 คน, อินโดนีเซีย 12,438 คน, ฟิลิปปินส์ 10,004 คน, มาเลเซีย 6,428 คน, ไทย 2,989 คน, เวียดนาม 271 คน, พม่า 161 คน, บรูไน 139 คน, กัมพูชา 122 คน, ติมอร์-เลสเต 24 คน,และลาว 19 คน

ยอดผู้เสียชีวิตในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วยอินโดนีเซีย 895 คน, ฟิลิปปินส์ 658 คน, มาเลเซีย 107 คน, ประเทศไทย 55 คน, สิงคโปร์ 20 คน, พม่า 6 คน, บรูไน 1 คน, เวียดนาม 0 คน, กัมพูชา 0 คน, ลาว 0 คนและติมอร์-เลสเต 0 คน

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: