ออสเตรเลียร้องโลกสอบที่มาของไวรัส COVID-19 ขณะที่จีนขู่บอยคอตสินค้าออสซี่

หนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph ฉบับ 28 เม.ย. 2020 ขึ้นหน้าปก “มนุษย์ค้างคาว” เป็นภาพดร. Peng Zhou นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันไวรัสวิทยา Wuhan Institute of Virology ผู้ซึ่งเคยมาทำงานวิจัยไวรัสในตัวค้างคาวในออสเตรเลียถูกสงสัยว่าเป็นหนึ่งในผู้ทราบสาเหตุการเกิดไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งแรกในโลก

30 เม.ย. 2020 ต้นเหตุการกำเนิดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่โลกทราบในขณะนี้เกิดจากการติดเชื้อจากสัตว์สู่คนอย่างเช่นค้างคาวโดยสันนิษฐานมาจากตลาดสดในเมืองอู่ฮั่น แต่ก็มีการกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของมนุษย์จากประเทศโลกเสรีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับจีน และเกิดจากความผิดพลาดจากห้องทดลองในประเทศจีนเอง

นับตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อฯในออสเตรเลียเสนอข่าวถึงรัฐบาลกลางของนาย Scott Morrison ได้รับการบอกกล่าวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้วว่า เชื้อไวรัสอาจเกิดการรั่วไหลจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่นโดยไม่ตั้งใจ

สื่อฯในออสเตรเลียได้อ้างองค์กรสืบราชการลับ Five Eyes อันเป็นเครือข่ายร่วมมือการสืบความลับระหว่างออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักรและสหรัฐได้เพ่งเล็งไปที่สถาบันไวรัสวิทยา Wuhan Institute of Virology (WIV) ในเมืองอู่ฮั่น หลังจากมีการเปิดเผยว่านักวิทยาศาสตร์อาวุโสของสถาบันสองคนผู้ซึ่งเคยมาทำงานวิจัยและศึกษาค้างคาวมีชีวิตในออสเตรเลีย ทำให้นาย Greg Hunt รัฐมนตรีสาธารณสุขออกมากล่าวว่านี้คือเหตุผลที่ออสเตรเลียต้องการทบทวนถึงความเข้าใจอย่าง “ชัดเจน” ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มต้นขึ้นมาเป็นเชื้อโรคอุบัติใหม่ได้อย่างไร

ขณะนี้รัฐบาลของนาย Morrison กำลังพิจารณาว่าการกระบาดของไวรัส COVID-19 อาจจะไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ แต่เกิดจากห้องแล็บ ซึ่งการสอบสวนเพิ่มเติมจึงมีความจำเป็นเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด (pandemic) ในอนาคต

นาย Peter Dutton รัฐมนตรีกิจการภายในประเทศ (มหาดไทย) กล่าวว่า ในขณะที่เขายังไม่สามารถให้ความเห็นจากรายงานที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบัน WIV คือดร. Peng Zhou และดร. Shi Zhengli ผู้เคยมาศึกษาค้างคาวมีชีวิตกับห้องแล็บ Australian Animal Health Laboratory ขององค์กร CSIRO (องค์กรวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย) ในกรุงแคนเบอร์รา

แต่สิ่งที่เห็นประจักษ์ก็คือ CSIRO, สำนักงานข่าวกรองของออสเตรเลียและจากความร่วมมือขององค์กร Five Eyes รัฐบาลกำลังตรวจสอบกรณีต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา “แต่มีบางสิ่งที่ผมไม่ขอให้ความเห็นในเทอมของการสืบสวน”

ดร. Zhou ซึ่งเป็นหัวหน้าของโครงการการติดเชื้อและภูมิคุ้มกันไวรัสจากค้างคาว (BVIIP) ของสถาบัน WIV ผู้เคยใช้เวลาสามปีที่แผนกทดลองจุลชีวภาคของห้องแล็บ Australian Animal Health Laboratory ในกรุงแคนเบอร์ราในระหว่างปี 2011 ถึง 2014

อีกคนหนึ่งคือดร. Zhengli ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการของศูนย์โรคติดเชื้อฉุกเฉิน (CEID) ของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน (COAS) ในสังกับสถาบัน WIV เธอได้มาทำการวิจัยที่ห้องแล็บ Australian Animal Health Laboratory กรุงแคนเบอร์ราในปี 2006

ในช่วงที่ไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มต้นระบาด มีข่าวลือว่าดร. Zhengli กล่าวว่าตอนนั้นเธอนอนไม่หลับด้วยความกังวลว่า เชื้อโรคมันอาจจะหลุดลอดออกมาจากห้องแล็บของเธอ แต่ต่อมาเธอได้ปฏิเสธข่าวที่ออกมาอย่างแข็งขัน

อย่างไรก็ฝ่ายโลกตะวันตกเชื่อว่า ทั้งดร. Zhou และดร. Zhengli ไม่มีเจตนาที่จะปล่อยเชื้อไวรัสร้ายออกมา แต่อาจเกิดการรั่วไหลออกมาจากห้องแล็บโดยอุบัติเหตุ

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว ABC วันที่ 30 เม.ย. 2020 เสนอข่าวนาย Scott Morrison ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนต้นกำเนิดของไวรัส COVID-19 ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นเป้าหมายตอบโต้จากจีน แต่ออสเตรเลียไม่ใช้เพียงประเทศเดียวที่จะทำให้จีนรู้สึกโกรธ เพราะตอนนี้มีผู้นำสหรัฐ, เยอรมนีและฝรั่งเศสเข้ามาเป็นลูกคู่ /ภาพซ้ายคือนาย Scott Morrison และภาพขวาคือเอกอัคราชทูต Cheng Jingye

ทางด้านประเทศจีนได้ออกมาโต้ตอบออสเตรเลีย โดยนาย Cheng Jingye เอกอัคราชทูตจีนประจำกรุงแคนเบอร์รากล่าวว่าประชาชนชาวจีนรู้สึกผิดหวัง (dismayed) ต่อความพยายามของออสเตรเลียที่จะให้มีการสอบสวนอย่างอิสระ และอาจจะโต้ตอบด้วยการงดการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเป็นต้นว่าเริ่มด้วยเนื้อสัตว์และไวน์ เขายังกล่าวอีกว่านักเรียนชาวจีนอาจจะไม่เดินทางมาศึกษาต่อในออสเตรเลีย

นาย Jingye กล่าวว่า “ผู้ปกครองของนักศึกษาอาจจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้ซึ่งพวกเขาพบว่ามีความไม่เป็นมิตร, แม้กระทั่งวางตัวเป็นปรปักษ์ ผู้ปกครองต้องฉุกคิดว่าจะส่งลูกหลานของพวกเขามาศึกษาในออสเตรเลียอีกหรือไม่” 

แต่ส.ว. Penny Wong ผู้นำวุฒิสมาชิกและผู้ดูแลงานด้านการต่างประเทศของพรรคฝ่ายค้านออกมาสนับสนุนรัฐบาลกลางในการเรียกร้องให้มีการสอบสวนอิสระเกิดขึ้น

เธอเห็นว่า การออกมาขู่ของนาย  Jingye แสดงให้เห็นถึงพิรุธ ทำให้เชื่อว่าข้อสันนิษฐานของคนในรัฐบาลกลางส่อเค้าเป็นความจริง

อย่างไรก็ตามเพียงแค่จีนออกมาขู่ว่าอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรระยะที่หนึ่งก็พอเห็นความสั่นคลอนทางเศรษฐกิจของประเทศบ้างแล้ว

ข่าวออนไลน์นสพ. The Age วันที่ 30 เม.ย. 2020 พาดหัวข่าว “ไม่พบหลักฐานว่าไวรัสโคโรนา 2019 เกี่ยวข้องกับห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น”

อย่างไรก็ตาม ข่าวออนไลน์จากหนังสือพิมพ์ The Age ที่ออกมาในวันที่ 30 เมษายน โดยขึ้นหัวข่าวว่า “รายงานจากสำนักงานข่าวกรองอย่างเป็นทางการ : ไม่พบหลักฐานว่าไวรัสโคโรนา 2019 เกี่ยวข้องกับห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น”

แต่นาย Morrison ยังมีข้อขัดข้องใจ และยังคงไม่ลดละที่จะเรียกร้องให้นานาชาติร่วมสนับสนุนในการสอบสวนที่มาของไวรัสโคโรนา 2019 ต่อไป

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS วันที่ 30 เม.ย. 2020 จั่วหัวตราหน้าออสเตรเลียในการออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่มาของไวรัสโคโรนา 2019 ว่าเหมือนกับ “หมากฝรั่งที่ติดส้นรองเท้าของจิีน”

ทางด้านรัฐบาลจีนออกมากล่าวหาถึงความพยายามของออสเตรเลียในการเรียกร้องให้มีการสอบสวนในเรื่องที่มาของไวรัส COVID-19 ว่าออสเตรเลียทำตัวเสมือนเป็น “ปากเสียง” (mouthpiece) ให้กับประธานาธิบดี Donld Trump ด้วยการนำเอา “สำนวนต่อต้านจีน” (anti-Chinese rhetoric) ของผู้นำสหรัฐมาใช้

ในขณะที่หนังสือพิมพ์ Global Time ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของเปรียบเปรยออสเตรเลียว่าเป็น “หมากฝรั่งที่ติดส้นรองเท้าของจิีน”

โดยเขียนว่า “บางครั้งออสเตรเลียกระโดดขึ้นกระโดดลง กระโดดแล้วกระโดดอีก มันก็เหมือนกับหมากฝรั่งที่ติดใต้รองเท้าของคนจีน ในบางครั้งคุณก็เพียงแต้หาก้อนหินแล้วเอาส้นรองเท้าไปถูกเพื่อให้มันหลุดออกไปก็เท่านั้น”

“หลังจาก COVID-19 ผ่านพ้นไป ผู้ที่ทำธุรกิจกับออสเตรเลีย และผู้ที่ส่งลูกหลานไปศึกษาในออสเตรเลียจำเป็นต้องกลับมาพิจารณาทบทวน”

The Global Time กล่าวต่อไปว่า บ่อยครั้งที่ชาวจีนและชาวเอเชียในออสเตรเลียกลายเป็นเป้าหมายที่เปราะบางทางการเลือกที่รักมักที่ชังทางด้านเชื้อชาติและเป็นเหยื่อของการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: