
ข่าวออนไลน์นสพ. The SMH วันที่ 30 เม.ย. 2020 เสนอข่าวชาวออสเตรเลีย 3 ล้านคนได้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแกะรอย COVIDSafe แล้ว 3 ล้านคน ในขณะที่ทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านจุด 3.1 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
29 เม.ย. 2020 ยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ในออสเตรเลียวันนี้เพิ่มขึ้นอีก 15 รายเป็น 6,746 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 89 คน (หลัง 15.00 น. มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คนเป็น 90 คน) ผลการทดสอบการตรวจเชื้อทั่วประเทศทำไปแล้ว 544,410 คน
ในวันนี้นาย Scott Morrison นายกรัฐมนตรีได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียทุกคนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั้น COVIDSafe เพื่อการแกะรอยไวรัส COVID-19 โดยบอกว่ามันเหมือนกับ “ครีมกันแดดยามออกนอกบ้าน” คอยเตือนเมื่อเข้าใกล้กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ Covid-19
เขากล่าวว่าภายใน 3 วันมีผู้ดาวน์โหลด์และลงทะเบียนกับรัฐบาลแล้วกว่า 2.8 ล้านคนสำหรับแอพพิลเคชั่นแกะรอยไวรัส COVID-19
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าแอพพลิเคชั่นนี้คือตั๋วเบิกทางเพื่อความปลอดภัยจากไวรัส COVID-19 สำหรับออสเตรเลีย ที่ทุกคนสามารถกลับไปทำในสิ่งที่ต้องการทำได้อีกครั้ง หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม
นาย Morrison กล่าวว่าการที่ประเทศประสบความสำเร็จต่อการลดอัตราการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าออสเตรเลียได้ชนะสงครามกับเชื้อไวรัส COVID-19 แล้ว
และย้ำว่ารัฐบาลไม่ต้องการที่จะชนะสงครามกับเชื้อไวรัสร้ายอย่างสิ้นเชิง แต่ต้องพ่ายแพ้กับการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและกลไกลการทำงานของสังคม

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS วันที่ 29 เม.ย. 2020 เสนอข่าวนาย Scott Morrison นายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียทุกคนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น COVIDSafe โดยกล่าวว่ามันจะเป็นตั๋วเบิกทางในการผ่อนคลายกฎคุ้มเข้ม COVID-19
สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกล่าสุด
ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 สะสมทั่วโลก 50 ประเทศแรก ณ เวลา 21.00 น. ของวันที่ 29 เมษายน 2020 จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว 3,143,555 คน แยกเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา 1,015,289 คน, สเปน 236,899 คน, อิตาลี 201,505 คน, ฝรั่งเศส 169,353 คน, สหราชอาณาจักร 162,353 คน, เยอรมนี 160,479 คน, ตุรกี 114,653 คน, รัสเซีย 99,399 คน, อิหร่าน 93,657 คน, จีน 83,940 คน, บราซิล 73,235 คน, แคนาดา 51,184 คน, เบลเยี่ยม 47,859 คน, เนเธอร์แลนด์ 38,998 คน, อินเดีย 31,787 คน, เปรู 31,190 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 29,407 คน, โปรตุเกส 24,505 คน, เอกวาดอร์ 24,258 คน, ซาอุดิอาระเบีย 21,402 คน, สวีเดน 20,302 คน, ไอร์แลนด์ 19,877 คน, เม็กซิโก 16,752 คน, อิสราเอล 15,782 คน, สิงคโปร์ 15,641 คน, ออสเตรีย 15,402 คน, ปากีสถาน 15,289 คน, ชิลี 14,365 คน, ญี่ปุ่น 13,736 คน, เบลารูส 13,181 คน, โปแลนด์ 12,640 คน, กาตาร์ 12,564 คน, โรมาเนีย 11,978 คน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 11,380 คน, เกาหลีใต้ 10,761 คน, ยูเครน 9,866 คน, อินโดนีเซีย 9,771 คน, เดนมาร์ก 9,206 คน, ฟิลิปปินส์ 8,212 คน, นอรเวย์ 7,680 คน, สาธารณรัฐเช็ก 7,504 คน, บังคลาเทศ 7,103 คน, ออสเตรเลีย 6,746 คน, เซอร์เบีย 6,630 คน, สาธารณรัฐโดมินิกัน 6,416 คน, ปานามา 6,200 คน, โคลัมเบีย 5,949 คน, มาเลเซีย 5,945 คน, อียิปต์ 5,042 คน, และแอฟริกาใต้ 4,996 คน,และ/ ประเทศไทย 2,947 คน (ไทยอยู่อันดับที่ 59 ของโลก ของไทยวันนี้มีผู้ป่วยเพิ่ม 9 คน),
และผู้เสียชีวิตจากข้อมูลของมหาวิทยลัยจอห์นฮอปกินส์มีทั้งสิ้น 218,727 คน แยกผู้เสียชีวิตจากมากไปหาน้อยดังนี้ อิตาลี 27,359 คน, สเปน 24,275 คน, ฝรั่งเศส 23,660 คน, สหราชอาณาจักร 21,678 คน, นิวยอร์กซิตี้-นิวยอร์ก-สหรัฐ 17,682 คน, เบลเยี่ยม 7,501 คน, เยอรมนี 6,374 คน, อิหร่าน 5,957 คน, บราซิล 5,083 คน, เนเธอร์แลนด์ 4,711 คน, มณฑลหูเป่ย-จีน 4,512 คน (มลฑลหูเป่ยไม่มีผู้ป่วยอีกแล้วจึงปิดประตูผู้เสียชีวิต), ตุรกี 2,992 คน, สวีเดน 2,462 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 1,703 คน, ควิเบก-แคนาดา 1,683 คน, เวน-มิชิแกน-สหรัฐ 1,682 คน, แนสซอ-นิวยอร์ก-สหรัฐ 1,647 คน, เม็กซิโก 1,569 คน, คุก-อิรินอย-สหรัฐ 1,457คน, ไอร์แลนด์ 1,159 คน, ซัฟโฟล์ค-นิวยอร์ก-สหรัฐ 1,131 คน, เอสเซก-นิวเจอร์ซีย์-สหรัฐ 1,090 คน, ออนตาริโอ-แคนาดา 1,074 คน, อินเดีย 1,008 คน, ลอสแอนเจลีส-แคลิฟอร์เนีย 1,004 คน, เบอร์เจน-นิวเจอร์ซีย์-สหรัฐ 1,002 คน, เวสต์เชสเตอร์-นิวยอร์ก-สหรัฐ 983 คน, โปรตุเกส 973 คน, รัสเซีย 972 คน, เอกวาดอร์ 871 คนและเปรู 854 คน,/ ออสเตรเลีย 90 คน (แยกเป็นน.ซ.ว. 40 คน, วิกตอเรีย 18 คน, แทสเมเนีย 11 คน, เวสเทิร์นออสเตรเลีย 8 คน, ควีนสแลนด์ 6 คน, เซาท์ออสเตรเลีย 4 คนและ ACT 3 คน) และประเทศไทย 54 คน (สรุปผู้เสียชีวิตในสหรัฐทั้งประเทศ 59,692 คน, และจีนทั้งประเทศ 4,633 คน)
มีผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายแล้วข้อมูลจากสารนุกรมเสรีวิกิพีเดียมีทั้งสิ้น 957,094 คน เรียงจากมากไปหาน้อย สหรัฐอเมริกา 118,425 คน, เยอรมนี 113,386 คน, สเปน 108,947 คน, จีน 77,578 คน (เหลือผู้ป่วย 647 คน), อิหร่าน 73,791 คน, อิตาลี 71,252 คน, ฝรั่งเศส 46,886 คน, ตุรกี 44,022 คน, บราซิล 32,544 คน, สวิตเซอร์แลนด์ 22,600 คน, แคนาดา 19,886 คน, ออสเตรีย 12,779 คน, (เหลือผู้ป่วย 1,993 คน) เบลเยี่ยม 11,283 คน, รัสเซีย 10,286 คน, เปรู 9,179 คน, เกาหลีใต้ 8,922 คน (เหลือผู้ป่วย 1,593 คน), ชิลี 8,057 คน, อิสราเอล 7,929 คน, อินเดีย 7,797 คน, เดนมาร์ก 6,366 คน, ออสเตรเลีย 5,667 คน (เหลือผู้ป่วย 990 คน), มาเลเซีย 4,087 คน (เหลือผู้ป่วย 1,758 คน), โรมาเนีย 3,569 คน, ปากีสถาน 3,425 คน, ญี่ปุ่น 3,374 คน, ลักเซมเบิร์ก 3,123 คน (เหลือผู้ป่วย 529 คน), สาธารณเช็ค 2,960 คน,และซาอุดิอาระเบีย 2,953 คน, / ประเทศไทย 2,665 คน (เหลือผู้ป่วย 228 คน), (หมายเหตุ ที่มีวงเล็บต่อท้ายเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยจนเหลือต่ำกว่า 2,500 คน)

ภาพกร๊าฟของกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียแสดงผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระหว่างวันที่ 22 มกราคม 2020 ถึง 29 เมษายน 2020 ในรูปแบบของยอดเพิ่มในแต่ละวัน (กร๊าฟแท่งสีฟ้า) และยอดสะสม (กร๊าฟเส้นสีเหลือง) ในช่วงระหว่างวันที่ 12 ถึง 29 เมษายนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่เฉลี่ยวันละ 25.2 คนเท่านั้น
รายงานยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในออสเตรเลีย
ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากตัวเลขล่าสุดโดยกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย ณ 15.00 น. ของวันที่ 29 เมษายน 2020 มีผู้ติดเชื้อ 6,746 คน โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 15 คนนับจากเวลา 15.00 น.ของเมื่อวานนี้สามารถแยกผู้ป่วยเป็น (ม.จอห์นฮอปกินส์ระบุออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ 6,746 คน ส่วนวิกีพีเดียระบุ 6,725 คน)
รัฐน.ซ.ว. 3,016 คน, รัฐวิกตอเรีย 1,354 คน, รัฐควีนสแลนด์ 1,034 คน, รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย 551 คน, รัฐเซาท์ออสเตรเลีย 438 คน, รัฐแทสเมเนีย 220 คน, ออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี 106 คน, นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี 27 คน
ในจำนวนนี้เสียชีวิต 90 คน มีผู้รักษาหาย 5,667 ราย, มีการทดสอบการตรวจเชื้อทั่วประเทศแล้วกว่า 544,000 คน
ในจำนวนผู้ติดเชื้อรวมถึงผู้มาจากเรือสำราญ Diamond Princess จำนวน 10 คน แยกเป็นรัฐวิกตอเรีย 4 คน, ควีนสแลนด์ 3 คน, เวสเทิร์นออสเตรเลีย 2 คน และเซาท์ออสเตรเลีย 1 คน

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS วันที่ 29 เม.ย. 2020 เสนอข่าวประเทศฝรั่งเศสออกกฎข้อบังคับให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและในโรงเรียน หลังผ่อนปรนล็อคดาวน์ / ในภาพขณะประชาชนเข้าคิวรอเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงปารีสในวันที่ 27 เม.ย. 2020 จะเห็นมีคนเริ่มใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น หลังจากมีคนติดเชื้อทั่วฝรั่งเศสเกือบ 130,000 คนและเสียชีวิตกว่า 23,600 คน
ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศนิวซีแลนด์และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนยอดผู้ติดเชื้อในนิวซีแลนด์ในวันนี้เพิ่มมาอยู่ที่ 1,474 คน มีผู้เสียชีวิต 19 คน และรักษาหายแล้ว 1,229 คน
ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สะสมเรียงจากมากไปหาน้อยดังนี้ สิงคโปร์ 15,641 คน, อินโดนีเซีย 9,771 คน, ฟิลิปปินส์ 8,212 คน, มาเลเซีย 5,945 คน, ไทย 2,947 คน, เวียดนาม 270 คน, พม่า 150 คน, บรูไน 138 คน, กัมพูชา 122 คน, ติมอร์-เลสเต 24 คน,และลาว 19 คน
ยอดผู้เสียชีวิตในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วยอินโดนีเซีย 784 คน, ฟิลิปปินส์ 558 คน, มาเลเซีย 100 คน, ประเทศไทย 54 คน, สิงคโปร์ 14 คน, พม่า 6 คน, บรูไน 1 คน, เวียดนาม 0 คน, กัมพูชา 0 คน, ลาว 0 คนและติมอร์-เลสเต 0 คน

ข่าวออนไลน์สำนักข่าว SBS วันที่ 29 เม.ย. 2020 เสนอข่าวนาย Mike Pence รองประธานาธิบดีสหรัฐูถูกโจมตีอย่างหนักต่อการปฏิเสธไม่สวมหน้ากากอนามัยในขณะเข้าเยี่ยมชมคลินิกชั้นดี Mayo Clinic ในรัฐมินนิโซตา แม้จะเป็นกฎข้อบังคับที่เข้มงวดของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ร้องขอแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าเขาเป็นคนหัวรั้นและหยิ่งยโส เหมือนใครหว่า!! จึงไม่แปลกอะไรที่สหรัฐมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1,040,000 คนและเสียชีวิตเกือบ 60,000 คน
และควรจับตาดูประเทศเบลารุส ประธานธิบดี Alexander Lukashenko ของประเทศนี้ได้ประกาศไม่ก้มหัวให้กับไวรัสโคโรนา 2019 สั่งให้ยังคงจัดงานทุกงาน, แนะประชาชนออกไปเชียร์การแข่งขันกีฬา, กินเที่ยวเต็มที่, ใช้ชีวิตปกติและเมินต่อการทิ้งระยะห่างทางสังคม นับจากประกาศในวันที่ 16 มีนาคมตอนนั้นประเทศมีผู้ติดเชื้อ 27 คนถึงวันนี้เบลารุสมียอดผู้ติดเชื้อแล้ว 13,181 คน โดยเพิ่มขึ้นจาก 973 คนและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 84 คน
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply