เจ้าของร้านอาหารเจอเสียวสยองพบงูพิษร้ายแรงอันดับสองของโลกที่หลังเตาอบ

งูสีน้ำตาลตะวันออกขดอยู่หลังเตาอบ : ภาพจาก Snake Catchers Adelaide ผ่านนสพ. Daily Mail

6 ต.ค. 2019 เกิดเหตุช็อคซีเนม่าขึ้นเมื่อสตรีเจ้าของร้านอาหารพบงูสีน้ำตาลตะวันออก (eastern brown snake ) ที่มีพิษร้ายแรงอันดับสองของโลกแอบเข้าไปพันตัวกับสายไฟหลังเตาอพภายในบ้านพักของเธอ

เป็นที่เข้าใจว่างูตัวดังกล่าวได้แอบเข้ามาทางช่องประตูสุนัขด้านหลังบ้านในย่าน Semaphore เขต City of Port Adelaide ทางตะวันตกเฉียงเหนือนครแอดิเลด ในตอนกลางคืนของวันพุธที่ 2 ตุลาคมก่อนที่จะเข้าไปในห้องครัว

เจ้าหน้าที่จับงูจากบริษัท Snake Catchers Adelaide จึงถูกเรียกมาที่บ้านของเจ้าของร้านอาหารที่ย่าน Semaphore พบงูดังกล่าวพันอยู่กับสายไฟด้านหลังเตา

นาย Rolly Burrell นักจับงูกล่าวกับวิทยุ ABC Radio Adelaide ว่า การจับงูเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากงูเกาะสายไฟฟ้าและเครื่องควบคุมความร้อนรุงรังไปหมด ถือเป็นงานยากชิ้นหนึ่งที่เขาเจอมาตลอดการเป็นนักจับงูกว่า 40 ปี

เพราะต้องค่อย ๆ แกะมันออกมาโดยไม่ให้มันได้รับบาดเจ็บ และไม่ให้มันฉกเขา ก่อนที่จะนำมันไปปล่อยในป่า

ภาพประกอบข่าวเจ้าของร้านอาหารเจองูที่หลังเตาอบที่บ้านของตนเอง : ภาพจาก google image

เขากล่าวว่าเมื่อปีที่แล้วสตรีคนหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับงูสีน้ำตาลตะวันออกเมื่อพบมันเลื้อยออกมาจากโถชักโครก (เหมือนเมืองไทยเลย)

และอีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นลูกงูสีน้ำตาลตะวันออกซึ่งมีพิษแล้วได้เข้าไปซ่อนอยู่ในกล่องอาหารกลางวันเด็กนักเรียนประถม

ข่าวนี้จิงโจ้นิวส์ได้รายงานในหัวข้อ “หวาดเสียวพบงูพิษอันดับสองของโลก อยู่ในกล่องอาหารกลางวันเด็กประถม” ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018

งูสีน้ำตาลตะวันออกเป็นงูที่พบทั่วไปตามชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย (แต่ถ้าพบตามชายฝั่งตะวันตกเขาเรียกว่างูสีน้ำตาลตะวันตก) สามารถโตเต็มที่ได้ขนาด 2.5 เมตร เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงสามารถทำให้ผู้ถูกกัดเสียชีวิตภายในครึ่งชั่วโมงถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ในระหว่างปี 2000 ถึง 2016 มีผู้เสียชีวิตจากงูกัดในออสเตรเลีย 35 คน ในจำนวนนี้ 23 คนเป็นงูสีน้ำตาลตะวันออก

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: