แม่เลี้ยงเดี่ยวชาวเวียดฯอาจเป็นคนสุดท้ายที่ถูกปฏิเสธพี.อาร์.เพราะไวรัสตับอักเสบบี

นาง Sidney Vo คนสวมเสื้อสีน้ำตาล, Billy บุตรชายคนถือเค้กวันเกิดกับญาติ ๆ ในออสเตรเลีย : ภาพจากสำนักข่าว SBS ต้นฉบับ Facebook

22 ส.ค. 2019 มารดาเลี้ยงเดี่ยวชาวเวียดนามและบุตรชายของเธอกำลังเผชิญต่อการถูกเนรเทศออกจากออสเตรเลียเนื่องจากเธอติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎทางด้านสุขภาพเพื่อผ่อนปรนการรับผู้อพยพที่มีปัญหาทางสุขภาพเรื้อรังแล้วก็ตาม

นาง Sidney Vo ผู้ที่ตกเป็นข่าวรายนี้ติดเชื้อไวรัสร้ายมาตั้งแต่วัยเด็ก แต่มันก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเธอในช่วงที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียมาเป็นเวลา 10 ปี แต่มันกลับส่งผลต่อโอกาสของเธอที่จะได้รับวีซ่าถาวรหรือที่คนไทยเรียกว่าพี.อาร์.

นาง Vo ผู้อาศัยอยู่ในกรุงแคนเบอร์ร่ากล่าวกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว SBS ว่าเธอรู้สึกช็อคที่มันกระทบต่อวีซ่า ทั้งที่เธอเป็นคนมีร่างกายสมบูรณ์, แข็งแรงและสามารถทำงานได้ทุกชนิด

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินผู้ยื่นสมัครขอวีซ่าถาวรที่อยู่ในข่ายเป็นภาระต่อระบบสุขภาพของประเทศ ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขนี้ให้เข้มงวดน้อยลง

เพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้สำหรับค่าจ่ายในการรักษาได้เพิ่มจาก 40,000 เหรียญเป็น 49,000 เหรียญ

ในเวลาเดียวกันกรอบการประเมินค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้เปลี่ยนจากตลอดชีวิตลงมาเหลือ 10 ปี มีส่วนทำให้ผู้อยู่ในวัยหนุ่มสาวมีโอกาสสูงขึ้นต่อการผ่านข้อกำหนดทางด้านสุขภาพ

นาง Melanie Eagle ผู้อำนวยการบริหารของ Hepatitis Victoria ได้ออกมาชื่นชมการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อไวรัสลงตับ B จะไม่ถูกกันออกไปจากการรับวีซ่าหรือผู้ติดเชื้อสามารถอพยพเข้ามาอยู่อย่างถาวรในออสเตรเลียได้

อย่างไรก็ตามกฎระเบียบนี้ออกมาสายเกินไปสำหรับนาง Vo และ Billy บุตรชายวัย 12 ปีของเธอ เพราะการยื่นขอวีซ่าถาวรของเธอได้รับการปฏิเสธและปิดแฟ้มไปแล้วก่อนที่กฎใหม่จะมีผลใช้บังคับ

นาง Vo ปัจจุบันเป็นพนักงานสถานดูแลเด็กเล็กแห่งหนึ่งในกรุงแคนเบอร์รา เธอเดินทางเข้ามาออสเตรเลียในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 โดยถือวีซ่านักเรียน ตอนนั้น Billy มีอายุเพียง 1 ปี 7 เดือน ซึ่งเธออ้างว่าบุตรชายของเธอยังเล็กเกินไปที่จะรู้จักเวียดนาม และตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเขาคิดว่าออสเตรเลียคือบ้านของเขา

ทั้งสองได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นป้า(หรืออาหรือน้า) และพี่สาว (หรือน้องสาว) 2 คนซึ่งเป็นผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียหรือวีซ่าถาวรอาศัยอยู่ในนครเมลเบิร์น

นาง Vo ได้ขอร้องให้นาย David Coleman รัฐมนตรีการเข้าเมืองนำแฟ้มการยื่นขอวีซ่าของเธอกลับมาเปิดใหม่ และพิจารณาใหม่ตามกฎระเบียบปัจจุบัน

นาย Coleman ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น และกล่าวว่าเรื่องดังกล่าวต้องไปสอบถามเอาที่กระทรวงกิจการภายในประเทศ

โฆษกของกระทรวงการเข้าเมืองไม่ได้ให้ความเห็นถึงกรณีของนาง Vo โดยตรง แต่ได้พูดโดยรวมว่า โอกาสที่จะนำเอาแฟ้มการพิจารณาเก่าที่เสร็จสิ้นไปแล้วกลับมาพิจารณาใหม่เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

ทางด้านโฆษกของกระทรวงกิจการภายในประเทศออกมากล่าวย้ำว่า นโยบายที่เปลี่ยนแปลงใหม่จะครอบคุมถึงกรณีการยื่นขอพิจารณาที่ยังไม่แล้วเสร็จและที่ยื่นเข้ามาใหม่นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2019 เป็นต้นไป โดยไม่มีผลต่อเรื่องยื่นขอที่ถูกปิดแฟ้มไปแล้ว

องค์การอนามัยโลกประมาณว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสลงตับ B ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 39 ล้านคน และพบว่าผู้อพยพชาวกัมพูชาและชาวเวียดนามในออสเตรเลีย 1 ใน 8 คนติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาจากประเทศที่ถือกำเนิด ซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการตับอักเสบ (liver inflammation) ที่จะนำไปสู่มะเร็งตับถ้าไม่มีการจัดการรักษาที่เหมาะสม

นาง Vo และ Billy บุตรชายจะต้องเดินทางออกจากออสเตรเลียภายในกลางเดือนกันยายน 2019 หากประเมินกำหนดเวลาที่เธอจะต้องออกนอกประเทศ แสดงว่าเธอน่าจะถูกปฏิเสธวีซ่าเพียงไม่นานก่อนที่กฎหมายจะมีผลใช้บังคับ

 

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)

Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , , , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: