
ภาพข่าวคดีฆาตกรรมและฆ่าตัวตายยกครัวที่ย่าน Davidson จิงโจ้นิวส์ครอปจาก google image ในวันที่ 15 พ.ค. 2016
16 พ.ค. 2019 จิงโจ้นิวส์เคยเสนอข่าวคดีฆ่ายกครัวที่ย่าน Davidson ทางเหนือของนครซิดนีย์บัดนี้มีข่าวเพิ่มเติมว่า บิดาผู้สังหารภรรยาและบุตรสองคนมีเรื่องปิดบังรวมถึงเช่าอพาร์ตเมนต์ให้คนรักวัยรุ่นชาวฟิลิปินส์และมีแผนที่จะไปอยู่กับเธอ (สื่อฯบางสำนักระบุซื้อบ้านให้คนรักใหม่)
เอกสารรายงานการสอบสวนจำนวน 87 หน้ากระดาษของคดีนาย Fernando Manrique วัย 44 ปีผู้ก่อเหตุรมแก๊สพิษฆ่านาง Maria Lutz ภรรยาวัย 43, ตัวเขาเองและ Elisa บุตรสาววัย 11 ปีและ Martin บุตรชายวัย 10 ปีพร้อมสุนัขอีกหนึ่งตัวเสียชีวิตภายในบ้านในคืนวันที่ 16 ตุลาคมปี 2016
นาย Manrique นักธุรกิจผู้มีภูมิหลังเป็นวิศวกรอพยพยพร้อมภรรยามาจากประเทศโคลัมเบียได้ติดตั้งระบบท่อผ่านเพดานบ้านแล้วปล่อยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ไม่มีกลิ่นทั่วบ้านในขณะที่ทุกคนนอนหลับ
ศพของเขาถูกพบนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงช่องทางเดินระหว่างห้อง ส่วนบุตรและภรรยาเสียชีวิตขณะหลับอยู่บนเตียงนอน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน (2019) มาตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานอีกทฤษฎีหนึ่งว่านาย Manrique อาจจะไม่มีแผนฆ่าตัวเอง
ตำรวจเชื่อว่าเขามีแผนที่จะหลบหนีไปฟิลิปปินส์ที่ซึ่งเขากำลังมีสัมพันธ์รักกับวัยรุ่นสาววัย 19 ปีชื่อน.ส. Jaymilyn Gumangan หรือ Jamie
จ่านักสืบ Tim Pooley กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเชื่อว่านาย Manrique มีแผนฆ่าบุตรและภรรยาแต่ไม่มีแผนฆ่าตัวตายตาม เพราะเขาเตรียมหลบหนีไปฟิลิปินส์เพื่อไปอยู่กับ Jamie คนรักวัยรุ่นของเขา แต่เขากลายเป็นเหยื่อของแก๊สพิษที่เขาวางไว้เองโดยไม่ตั้งใจ
ในระหว่างการไต่สวนคณะกรรมการโคโรเนอร์ (คณะกรรมการพิจารณาหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ) ได้รับฟังว่าในคืนวันเกิดเหตุนาย Manrique ได้พยายามโทรติดต่อน.ส. Gumangan ก่อนที่ศพของเขาถูกพบนอนอยู่ใกล้กับกระเป๋าเดินทางที่แพ็คเสื้อผ้าสำหรับเดินทางและพบเงินสดจำนวน 750 เหรียญ
ตำรวจตรวจเช็คบันทึกการติดต่อโทรศัพท์ของเขาพบว่า บุคคลสุดท้ายที่พยายามโทรหานาย Manrique ก่อนที่เขาเสียชีวืตคือน.ส. Gumangan เกิดขึ้นในวันที่เขาเสียชีวิต แต่ตำรวจไม่ทราบว่าทำไมเธอจึงต้องการโทรหาเขา เนื่องจากตำรวจไม่พบโทรศัพท์ของเขา ซึ่งจ่านักสืบ Pooley เชื่อว่าเขาได้ทำลายโทรศัพท์ทิ้งเพื่อไม่ต้องการให้ใครติดตามตัว
ในขณะเดียวกันตำรวจก็ไม่สามารถตามหาตัวน.ส. Gumangan ที่อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์
แต่ผู้พิพากษา Adam Casselden ที่ปรึกษาผู้ช่วยเจ้าพนักงานโคโรเนอร์ตั้งขอสงสัยในทฤษฎีนี้ว่า นาย Manrique มีความรู้เรื่องแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ แต่ทำไมเขาจึงปิดหน้าต่างและประตูทุกบานจนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิต
อีกทั้งในวันนั้นเขาไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน ส่วนกระเป๋าเดินทางเขาอาจจะแพ็คเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาเนื่องจากเขาเดินทางเป็นประจำ

นาง Maria Lutz กับ Elisa และ Martin ผู้ถูกสังหารจากการรมแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ : ภาพจากเฟสบุ๊คของโรงเรียน St Lucy’s School
ในระหว่างการไต่สวนในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอดีตเพื่อนและผู้ร่วมงานได้เปิดเผยถึงชีวิตโลดโผนราวกับคนละคนของนาย Manrique ในขณะอาศัยอยู่ในเอเชียในระหว่างปี 2014 ถึง 2016
เขาเปลี่ยนจากผู้อำนวยการบริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอาการเอางานและรักครอบครัว ไปเป็นชายที่สักเต็มแขนทั้งสองข้าง, เพลิดเพลินกับการขี่ช้างในประเทศไทยและมีเพศสัมพันธ์กับสาววัยรุ่นในเอเชีย
ประวัติทางการแพทย์บันทึกว่า เขามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไทยโดยไม่สวมถุงยางป้องกันสองครั้งในปี 2014 และขอให้แพทย์สั่งยาไวอากร้าให้กับเขาในปี 2015
เพื่อนอีกคนหนึ่งกล่าวว่า เขาเปลี่ยนจากผู้ชายรักครอบครัวไปเป็นนักล่าหญิงสาวหลายสิบคนในขณะท่องเที่ยวอยู่ในเวียดนาม, ไทยและฟิลิปปินส์ เขาได้ใช้บัตรเครดิตหาความสำราญกับหญิงสาวชาวเอเชียเป็นจำนวนมากมาย
เพื่อนคนหนึ่งกล่าวว่า เขาบ้าผู้หญิงจนเพื่อน ๆ เตือนก็ไม่ฟัง ครั้งหนึ่งเขาถูกผู้หญิงกลางคืนในเวียดนามอ้างว่าเธอตั้งครรภ์กับเขา เพื่อนคนนี้เตือนว่า ผู้หญิงคนนี้อ้างว่าท้องกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ มาประมาณ 20 คนเป็นอย่างต่ำ แต่เขาตอบเพื่อนของเขาว่า “ผมเป็นร็อคสตาร์ ผมรู้ดีว่าผมกำลังทำอะไร”
หลังจากนั้นเขาได้ทุ่มเงินตามล่าหญิงสาวเพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ, ไต้หวันและญี่ปุ่น
ในขณะที่เขาอยู่ที่ฟิลิปปินส์เขาได้เช่าอพาร์ตเมนท์ให้น.ส. Gumangan ขณะนั้นเธออายุ 17 ปีผู้ซึ่งเขาอ้างว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กินกับเธอ (สื่อฯหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอ้างว่าเขาซื้อบ้านให้เธออยู่ในราคา 6,064 เหรียญ เทียบเป็นเงินไทยประมาณแสนกว่าบาทดูราคาแล้วถูกเกินไป)
การไต่สวนพบว่านาย Manrique ได้โอนเงิน 3,400 เหรียญไปให้น.ส. Gumangan เพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาและครอบครัวจะเสียชีวิต แม้ขณะนั้นครอบครัวของเขากำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักก็ตาม
จ่านักสืบ Pooley กล่าวต่อคณะกรรมการโคโรเนอร์ว่า นาย Manrique เป็นหนี้สำนักงานภาษีจำนวน 14,294 เหรียญและเป็นหนี้บัตรเครดิต 28,706 เหรียญ
ขณะเสียชีวิตครอบครัวของเขามีเงินในบัญชีทรัสต์เพียง 6 เหรียญเท่านั้น, มีเงินในบัญชีธนาคารอีกไม่กี่พันเหรียญ และมีหนี้ผ่อนส่งบ้านเฉพาะดอกเบี้ยกับธนาคารในวงเงินกู้กว่า 500,000 เหรียญ

ภาพข่าวออนไลน์นสพ. The Daily Telegraph วันที่ 15 พ.ค. 2019 เสนอข่าวชายผู้ฆ่าลูกเมียไม่ได้ฆ่าตัวตายตาม แต่มีแผนที่จะหนีไปต่างประเทศเพื่ออยู่กินกับคนรักสาววัยรุ่นชาวฟิลิปปินส์
ข้อมูลจากเพื่อนคนหนึ่งระบุว่านาง Maria Lutz อดีตนักกฎหมายจากประเทศโคลัมเบียได้แยกทางเดินกับนาย Manrique ในปลายเดือนกันยายนปี 2016 หลังจากเธอตรวจรายงานเงินฝากถอนธนาคารพบว่ามีรายจ่ายเข้าใช้บริการคลับเปลื้องผ้าจนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของทั้งสองขาดลง
นาย Manrique ได้ขออยู่อาศัยในบ้านที่ย่าน Davidson อีกระยะหนึ่งจนกว่าเขาจะหาที่อยู่ใหม่ โดยนาง Lutz จะเป็นผู้ดูแลบุตรสองคนที่มีอาการออทิสติกทั้งคู่
ในช่วงนี้เองที่เขาคิดวางแผนชั่วร้าย ในการคิดสังหารภรรยาและบุตร
เขาไปที่ห้าง Bunning สี่ครั้งเพื่อซื้อแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ 2 ถังและท่อประปาพีวีซีในเวลา 10 วันก่อนเสียชีวิต
ตำรวจได้พังประตูบ้านที่ย่าน Davidson เข้าไปในวันที่ 17 ตุลาคม 2016 หลังจากที่เด็ก ๆ ไม่ได้มาโรงเรียนและทางโรงเรียนไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองได้ ตำรวจพบว่าทุกคนเสียชีวิตแล้ว
หมายเหตุ ท่านสามารถอ่านข่าวเกี่ยวเนื่องกับคดีการเสียชีวิตของครอบครัว Lutz-Manrique แห่งย่าน Davidson ได้ด้วยการกดคลิก “คดีฆ่ายกครัวที่ Davidson” ที่ Tags ท้ายข่าวนี้
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply