
ข่าวออนไลน์นสพ. The Daily Mail วันที่ 23 เม.ย. 2019 เสนอข่าวผู้โดยสารสตรีเล่าถึงเหตุการณ์ทารกวัย 2 เดือนป่วยหนักบนเครื่องบินและเสียชีวิตในวงแขนของเธอ สตรีในภาพคือนาง Nadia Parenzee ผู้เล่าเหตุการณ์ ภาพซ้ายมือคือเจ้าหน้าที่ขณะนำเก้าอี้เข็นเด็ก (น่าจะมีเด็กทารกอยู่ด้วย) ลงมาจากเครื่องบิน
23 เม.ย. 2019 ผู้โดยสารหญิงได้เล่าถึงเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อเธอช่วยเด็กทารกที่กำลังจะเสียชีวิตขณะเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์มายังนครเพิร์ทเมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
นาง Nadia Parenzee ได้โดยสารเครื่องบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน D7236 และได้เสนอตัวช่วยสองสามีภรรยาชาวซาอุดิอาระเบียดูแลบุตรสาววัย 2 เดือนหลังจากสังเกตเห็นทารกหญิงชื่อ Farah ร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ในฐานะที่เธอเป็นแม่และอดีตพยาบาลเมื่อเห็นพ่อแม่มือใหม่ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็น
แรกทีเดียวเธอคิดว่าเด็กทารกอาจจะหิว เพราะเห็นเจ้าหน้าที่สายการบินนำขวดนมมาให้ผู้เป็นมารดา
หลังจากนาง Parenzee ได้ช่วยดูแลเด็กเป็นเวลาประมาณ 10 นาที เธอจึงกลับมานั่งที่นั่งของเธอไปได้ระยะหนึ่ง ขณะนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้ใช้มือแตะไหล่ของเธอค่อนข้างแรง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของผู้เป็นมารดาเด็กมีหน้าตาดูมีกังวลมาก เธอได้ยื่นบุตรสาวของเธอในนาง Parenzee อุ้ม
นาง Parenzee มองตัวเด็กตอนนั้นเนื้อตัวของเด็กน้อยเริ่มเป็นสีเทา (คนไทยน่าจะเป็นสีเขียว) หายใจไม่สะดวก เธอจึงบอกกับพนักงานสายการบินว่า เด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะงอแง แต่อยู่ใน “ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์” (medical emergency)
จากนั้นเธอเริ่มเข้าสู่กระบวนการทำให้เด็กฟื้นกลับมา ในขณะที่พนักงานสายการบินประกาศแจ้งขอความช่วยเหลือจากผู้โดยสารที่เป็นแพทย์ ส่วนตัวเธอเองก็ตะโกนออกไปว่า “ฉันต้องการแพทย์ ฉันต้องการแพทย์”
ตอนนั้นมีแพทย์ประมาณ 20 คน (เยอะเนอะ) รีบมาให้ความช่วยเหลือ แพทย์ได้ช่วยทำ CPR ให้กับ Farah ในขณะที่แพทย์อีกส่วนหนึ่งจัดการกับกล่องบรรจุอุปกรณ์ทางการแพทย์ประจำเครื่องบิน
นาง Parenzee รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนั้นเด็กได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อแพทย์เปิดไฟตรวจดูม่านตาของ Farah
ในช่วงที่แพทย์พยายามกู้ชีพเด็กทารกให้ฟื้นกลับมา นาง Parenzee ได้ไปเจรจากับนักบินถึงการลงจอดฉุกเฉิน ซึ่งกัปตันบอกว่าขณะนี้มีทางเลือกสองทางคือไปจอดสนามบินใกล้ที่สุดคือที่กรุงจากาต้าแต่ต้องเสียเวลาเคลียร์การจอดและช่วยเหลือฉุกเฉิน (เขาใช้ว่า take time to get clearance บังเอิญไม่ใช่นักบินเลยไม่ทราบว่าต้องเคลียร์อย่างไร) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่จะใช้เวลาเท่ากันถ้าไปจอดที่สนามบินเพิร์ท
เธอเห็นด้วยว่าให้เครื่องบินตรงไปยังนครเพิร์ทเลย เพราะที่นั่นจะมีระบบการรักษาทางการแพทย์เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
ทีมแพทย์ร่วมด้วยช่วยกันยังคงพยายามช่วยกันกู้ชีพเด็กทารกไปตลอดทางจนเครื่องบินถึงสนามบินเพิร์ท
ภาพที่สื่อมวลชนเผยแพร่หลังเครื่องบิน AirAisa จอดสนิทแล้วก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจถือถุงสีน้ำตาลภายในบรรจุหลักฐานต่าง ๆ ลงจากเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่สนามบินคนหนึ่งถือรถเข็นเด็กลงมา เข้าใจว่าจะมีร่างของ Farah อยู่ในนั้น
หลังจากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะทำรายงานสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อรายงานสำนักงานโคโรเนอร์ต่อไป (สำนักงานจดทะเบียนรับรองการเสียชีวิตและพิจารณาการเสียชีวิตอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ)

ข่าวออนไลน์จากสำนักข่าวต่าง ๆ เสนอเหตุการณ์เด็กทารกเสียชีวิตขณะบิดามารดาชาวซาอุฯพามาตั้งหลักแหล่งในออสเตรเลีย
สำหรับผู้เป็นบิดาและมารดาของ Farah ได้อพยพจากประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อมาตั้งหลักแหล่งและสร้างชีวิตใหม่ในประเทศออสเตรเลีย
Farah เป็นบุตรคนแรกของพวกเขา เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้พวกเขาได้พา Farah ไปพบแพทย์เนื่องจากบุตรของเขามีอาการไข้หวัด แต่น่าจะไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดาเสียแล้ว
หลังจากนี้ทั้งสองจะอยู่ในประเทศใหม่ต่อไปโดยไม่มีบุตรสาวคนแรกของพวกเขา
นาง Parenzee กล่าวว่าในช่วง 2 ชั่วโมงครึ่งก่อนถึงสนามบินเพิร์ทเครื่องบินอยู่ในสภาพซึมเศร้า ห้องผู้โดยสารอยู่ในความเงียบกริบทุกคนเอาใช้ช่วยทารกน้อย
เธอได้กล่าวยกย่องเจ้าหน้าที่ของสายการบิน AirAsia ว่าจัดการกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และเป็นมืออาชีพต่อการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครั้งนี้
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com (งดใช้ชั่วคราว)
Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply