8 ม.ค. 2019 กระทรวงกิจการภายในประเทศได้เปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2018 ที่ผ่านมาได้ยกเลิกวีซ่าผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติอันเนื่องมาจากการกระทำผิดทางอาญาเป็นจำนวนกว่า 800 คน
การยกเลิกวีซ่าเป็นไปตามกฎหมายการเข้าเมืองที่กำหนดให้ผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติออสเตรเลียที่ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 12 เดือนขึ้นไปจะต้องถูกเพิกถอนวีซ่า ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าอยู่อาศัยถาวร, วีซ่าทำงาน, วีซ่านักเรียนและวีซ่าอื่นทุกประเภท
ในจำนวนนี้ประมาณ 500 คนถูกตัดสินจำคุกจากเหตุใช้ความรุนแรง, ประมาณ 100 คนเกี่ยวกับความผิดทางเพศและแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก, 53 คนจากการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว, 34 คนเกี่ยวกับความผิดทางเพศและ 13 คนเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม
นอกจากนั้นรัฐบาลยังยกเลิกวีซ่าผู้กระทำผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่น 125 คนและใช้อาวุธปล้น 56 คน
นาย Peter Dutton รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศกล่าวว่าออสเตรเลียไม่มีที่สำหรับบุคคลที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
“ออสเตรเลียยินดีต้อนรับทุกคนทั่วโลก แต่บุคคลที่เข้ามาแล้วคิดก่ออาชญากรรม พวกเขาควรรับรู้ว่าพวกเขาจะไม่มีที่ยืนอยู่บนประเทศนี้”
เมื่อรวมตัวเลขผู้ถูกยกเลิกวีซ่าในปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ถูกยกเลิกวีซ่ารวมกันทั้งสิ้น 4,150 คนนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่กฎหมายการยกเลิกวีซ่าแก่ผู้ต้องคดีจำคุกเกินกว่า 12 เดือนมีผลใช้บังคับ
แต่การเพิ่มกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะทำให้ผู้เกิดในต่างประเทศที่กระทำผิดทางอาญาถูกเพิกถอนวีซ่าได้ง่ายขึ้นไปอีก
ภายใต้กฎหมายใหม่ผู้กระทำผิดอาญาที่ถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไปจะถูกยกเลิกวีซ่าไม่ว่าเขาจะถูกจำคุกไม่ถึงสองปีหรือได้รับการรอลงอาญาโดยไม่ถูกจำคุกเลยก็ตาม
เป้าหมายของการแก้กฎหมายครั้งนี้ก็เพื่อรับมือกับการก่ออาชญากรรมใช้ความรุนแรงและทางเพศที่รวมถึงการก่อการจลาจล, บุกรุกเข้าบ้าน, จี้รถยนต์และฝ่าฝืนคำสั่งห้ามกระทำการใด ๆ ที่สงสัยว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
Jingjonews เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply