2 ก.ค. 2018 สืบเนื่องมาจากข่าว “บิ๊กอิมฯขยายเวลาเนรเทศแม่-ลูกฟิลิปปินส์ 1 ปีหลังสื่อฯตีข่าวพรากลูกพรากแม่” เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2018 ทำให้จริงโจ้นิวส์นึกถึงทนายของเธอน่าจะเป็นคนเดียวกับทนายหัวเห็ดที่ทำคดีช่วยผู้อยู่เกินวีซ่า ที่เคยอ่านผ่านตามา แต่ปรากฎว่าเป็นคนละคน เมื่อเสียเวลาค้นจนเจอแล้วก็ขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันฟังเลย
บุคคลที่จะกล่าวถึงเป็นบทความข่าวต่อจากข่าว “ชีวิตคนอยู่เกินวีซ่าในออสเตรเลีย จากปากคำของ Raheem” โดยสำนักข่าว SBS ซึ่งจิงโจ้นิวส์นำเสนอไปแล้วในวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา เขามีนามว่านาย Christopher Levingstone เป็นอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการเข้าเมือง (กระทรวงกิจการภายในประเทศในปัจจุบัน) ผู้จับกุมชาวต่างชาติที่อยู่เกินวีซ่ามาหลายพันคน แต่ในปัจจุบันเขาเป็นทนายความช่วยเหลือชาวต่างชาติรวมถึงผู้อยู่เกินวีซ่า
นาย Levingstone ให้สัมภาษณ์กับ SBS ว่าสมัยเขาทำงานให้กับกระทรวงการเข้าเมืองเข้าจับกุมชาวต่างชาติมามากมายจนนับไม่ถ้วน เขาเห็นหลายคนร้องไห้ หลายคนอยู่ในสภาพย่ำแย่เมื่อถูกจับ
บ้างคนพยายามหลบหนีแบบสุดชีวิต แต่ส่วนใหญ่หนีไม่รอด พวกเขาถูกจับได้ในที่สุด
และมีรายหนึ่งถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตด้วยการกระโดดจากหน้าต่างลงมา เพียงเพื่อไม่ต้องการถูกจับ ทั้งที่เป็นความผิดไม่ร้ายแรงใด ๆ
ชาวต่างชาติที่ถูกจับได้จะได้รับคำสั่งที่ใช้ประจำก็คือ “พวกคุณมีเวลา 10 หรือ 15 นาทีในการเก็บข้าวของ” ก่อนที่พวกเขาจะถูกนำตัวไปกักขังที่ศูนย์กักกัน
ในช่วงที่นาย Levingstone ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นเขาสนใจในงานของเขา, เขาสนใจในการหาว่าชาวต่างชาติผู้อยู่ไม่ถูกต้องอยู่ที่ไหน, เขาสนใจในการจับกุมพวกเขาและก่อนจับกุมต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่มีหนทางหลบหนีและจะไม่ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ
เหมือนอย่างกับกรณีบุกเข้าจับกุมกลุ่มผู้อยู่ไม่ถูกต้องชาวฟิลิปินส์ เจ้าหน้าที่เลือกเวลาในตอนดึกของวันอาทิตย์เพราะมั่นใจว่าจะรวบตัวพวกเขาได้ทุกคน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือมีชายคนหนึ่งตัดสินใจกระโดดหน้าต่าง ตกลงไปได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่โชคดีที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต
เขากล่าวถึงเคล็ดลับที่เจ้าหน้าที่การเข้าเมืองจับผู้อยู่ไม่ถูกต้องได้ว่า จุดหนึ่งคือจุดเรียกสุ่มตรวจการจราจรที่พวกเขาไม่มีใบขับขี่ยืนยัน แต่ 99% มาจากการได้รับแจ้งเบาะแสจากบุคคลในชุมชนเชื้อชาติเดียวกันหรือคนใกล้ชิดของพวกเขา
โดยมีมูลเหตุมาจากเรื่องเซ็กซ์, เงินและการให้ร้ายต่อกัน
เป็นต้นว่า บางคนติดหนี้แล้วเบี้ยว, บางคนแอบไปมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสตรีมีสามีแล้ว จนผัวของเธอต้องการเอาคืนแบบเจ็บแสบ
นาย Levingstone ลาออกจากงานที่กระทรวงการเข้าเมืองในปี 1990 ในปัจจุบันเขาทำงานเป็นทนายด้านการเข้าเมืองเพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติในเรื่องของวีซ่า รวมถึงผู้อยู่เกินวีซ่าในการหาช่องทางออกที่ดีที่สุดจากระบบวีซ่าที่ซับซ้อน
เขากล่าวว่า การใช้ชีวิตที่ต้องหลบซ่อนและคอยหลบหนีเป็นความรู้สึกที่กดดันและเครียดแบบสุด ๆ แต่ก็มีบางคนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนาน ผู้อยู่เกินวีซ่านานที่สุดที่เขาจับได้หลบอยู่นานถึง 40 ปีทีเดียว
ในกรณีหนึ่ง ต้นเหตุมาจากเหตุวิกฤติการณ์ในครอบครัวทำให้ชายชาวมาเลเซียคนหนึ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา เพื่อการทำให้สถานภาพอยู่เกินวีซ่าของเขาถูกต้องตามกฎหมายในระหว่างรอขบวนการพิจารณาสถานภาพ (regularise status) หลังจากอยู่อย่างไม่ถูกต้องมาเกือบสามสิบปี
ในที่สุดเขาได้สัญชาติออสเตรเลียในฐานะ “บุคคลที่ดูดซึม” (absorbed person น่าจะหมายถึงเป็นบุคคลที่ซึมซับเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ในออสเตรเลีย)
นาย Levingstone กล่าวว่าบางครั้งก็มีความเป็นไปได้ในการหาช่องทางที่จะอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แทนที่จะเสี่ยงต่อการถูกจับ ซึ่งเขากล่าวว่าการหลบซ่อนอยู่ในชุมชนของผู้อยู่ไม่ถูกต้องนับวันยิ่งจะยากขึ้น
เป็นต้นว่า “ถ้าคุณต้องแสดงความเป็นบุคคล(ID)ให้ได้ 100 จุดเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร คุณก็จะพบความยุ่งยากในการเปิดบัญชี ถ้าวีซ่าของคุณหมดอายุแล้ว”
ทางด้านโฆษกของกระทรวงกิจการภายในประเทศกล่าวกับ SBS ว่า ชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียโดยไม่มีวีซ่าที่ถูกต้องจะมีทางเลือกสองทางคือติดต่อทำการแก้ไขสถานภาพของตนเองที่ Status Resolution Service (SRS) หรือเดินทางออกนอกประเทศไป
โฆษกกล่าวว่า บุคคลที่ไม่ได้ใช้บริการ SRS หากถูกจับจะถูกส่งตัวเข้าสถานกักกันและเนรเทศออกนอกประเทศ
นาย Levingstone กล่าวว่าผู้อยู่เกินวีซ่ามีทางเลือกน้อยมาก หากพวกเขาถูกจับและถูกเข้าสถานกักกัน
เขากล่าวว่า “ถ้าคุณได้อยู่เกินวีซ่ามากว่า 10 ปี พวกเขาก็จะบอกคุณว่า ทำไมเราต้องปล่อยคุณออกไป” “มันเป็นเรื่องยากมากในการช่วยคุณออกมา หากคุณได้เข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว”
ท่านสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่ากำลังหมดอายุหรือหมดอายุไปแล้วได้ที่เว็บไซท์ของสำนักงานพิทักษ์พรมแดนกระทรวงกิจการภายในประเทศที่ boder.gov.au/csrs
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply