
ค่าเงินออสซี่ในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่าแข็งตัวในระดับมีเสถียรภาพต่อเงินดอลล่าร์สหรัฐ : ภาพจากจิงโจ้นิวส์
7 เม.ย. 2018 ค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียยังคงทำงานอยู่ในระดับมีเสถียรภาพต่อเงินดอลล่าร์สหรัฐในช่วงปีที่ผ่านมาในอัตราราว 77 เซนต์สหรัฐ (ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียตั้งเป้าไว้ที่ 75 เซนต์สหรัฐ)
แต่ผลการวิจัยกลับพบว่ายังมีชาวออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจถึงความผันผวนของค่าเงินมีผลกระทำอย่างไรต่อการดำรงชีวิตของพวกเขา
ผลการวิจัยจากการว่าจ้างของ Woldfirst บริษัทผู้รับจัดการโอนเงินระหว่างประเทศพบว่า 40% ของชาวออสเตรเลียไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเอ-ดอลล่าร์จะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าอาหารนำเข้า
มีเพียง 40% ที่ทราบว่าค่าเงินอ่อนตัวลงมีผลดีต่อผู้ส่งออกแต่ไม่เป็นผลดีต่อผู้นำเข้า ในขณะที่ 34% มีความเชื่อที่ผิด ๆ ว่าค่าเงินอ่อนตัวมีผลดีต่อผู้นำเข้าและไม่ดีต่อผู้ส่งออก
แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือมีชาวออสซี่ 27% เชื่อว่าความผันผวนของค่าเงินเอ-ดอลล่าร์จะส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ และหนักไปกว่านั้นก็คือมีชาวออสซี่ถึง 22% เข้าใจผิดว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศจะสูงขึ้นถ้าค่าเงินเอ-ดอลล่าร์แข็งตัวขึ้นกว่าประเทศที่พวกเขาจะเดินทางไป
นาย Patrick Liddy ผู้อำนวยการฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนของ Woldfirst กล่าวว่าความเข้าใจและความสนใจในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนจะช่วยชาวออสซี่ประหยัดเงินได้มากขึ้น
เขากล่าวว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้นว่าค่าน้ำมันรถจะสูงขึ้นเมื่อค่าเงินลดลงเพราะเป็นสินค้านำเข้า เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า, พาสต้าจากอิตาลีและช็อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศ
ในทางตรงกันข้ามสินค้าที่ผลิตในประเทศจะถูกลงเมื่อค่าเงินออสซี่อ่อนตัวลง
สำหรับสินค้าประจำวัน 5 อย่างที่ได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์คือ
1.ราคาน้ำมันเบนซิน ค่าเงินอ่อนตัวจะทำให้ต้นทุนนำเข้าน้ำมันสูงขึ้น ราคาตามปั๊มย่อมจะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว
2.เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าจะสูงขึ้นถ้าค่าเงินอ่อนตัวลง
3.ที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมีส่วนกดดันให้ค่าเงินเอ-ดอลล่าร์อ่อนตัวลง ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน แต่มันอาจเป็นตัวผลักดันให้ราคาซื้อขายบ้านสูงขึ้น เพราะมันได้ดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลีย
4.อาหาร เมื่อค่าเงินดอลล่าร์แข็งตัว ราคาอาหารนำเข้าอย่างพาสต้าและช็อกโกแลตรวมถึงไวไวและมาม่าก็จะถูกลง แต่เมื่อค่าเงินต่ำลงการซื้อสินค้าภายในประเทศก็จะถูกกว่า
5.การท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศจะสูงขึ้นถ้าค่าเงินออสเตรเลียอ่อนตัว การเอาเงินสกุลออสเตรเลียไปแลกเงินสกุลของประเทศที่ไปท่องเที่ยวก็จะได้น้อยลง ในทางตรงกันข้ามค่าเงินที่ต่ำลงจะดึงดูให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสนใจเข้ามาท่องเที่ยวออสเตรเลียมากขึ้น การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นก็จะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจของชาติ และยังทำให้ชาวออสเตรเลียหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้น

หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ฉบับวันที่ 18 มกราคม 2018 เสนอข่าวกลุ่มผู้ส่งออกถกปัญหากับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มีท่านผู้อ่านเสิร์ชเข้ามาด้วยคำถามเกี่ยวกับว่า “ทำไมค่าเงินออสเตรเลียจึงอ่อนตัว” จิงโจ้นิวส์ก็ไม่ทราบเช่นกัน เพราะตลอดปีที่ผ่านมาธนาคารกลางออสเตรเลียสามารถรักษาระยะค่าเงินในระดับ 77 เซนต์มาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่นโยบายค่าเงินบาทของไทยเป็นนโยบายค่าเงินลอยตัวแบบผูกติดกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐและค่าเงินสกุลสำคัญ มันก็ควรจะอยู่ในระดับ 1 เหรียญต่อ 26 ถึง 27 บาท
แต่เชื่อว่าเหตุที่ค่าเงินออสเตรเลียอ่อนตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท เป็นเพราะกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยยังประสบอุปสรรคในการใช้กลไกทางการเงิน (และอาจจะการคลัง) แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว ….หากผิดพลาดต้องขออภัยด้วย
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply