นาง Gina Rinehart : ภาพจากข่าว 7 News
8 มี.ค. 2018 นิตยสาร Forbes ได้บรรจุบุตรทั้งสี่ของนาง Gina Rinehart เจ้าแม่เหมืองแร่เหล็กชาวออสซี่เข้าทำเนียนบุคคลที่มีความมั่งคั่งเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.3 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย) เป็นครั้งแรก
จากการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของโลกล่าสุด Forbes ได้จัดอันดับให้ลูกรัก-ลูกชังทั้งสี่ของนาง Rinehart ประกอบด้วยนาย John Hancock, นาง Bianca Rinehart, นาง Hope Welker และลูกรักนาง Ginia Rinehart มีความร่ำรวยคนละ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1.7 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (4.2 หมื่นล้านบาท)* หลังจากทั้งสี่เข้าถือสิทธิในกองทุนทรัสต์ที่คุณตา Lang Hancock ทำพินัยกรรมไว้ให้หลานทั้งสี่จาก 23.45% ของบริษัท Hancock Prospecting
พินัยกรรมนี้ยังทำให้ Ginia บุตรคนสุดท้องจากสามีคนสุดท้ายของ Rinehart กลายเป็นบุคคลรวยระดับพันล้านที่มีอายุน้อยที่สุดของออสเตรเลียด้วยวัยเพียง 31 ปี
ในปี 2011 ลูก ๆ ฝ่ายสามีคนก่อนได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอสิทธิในการเป็นผู้ดูแลกองทุน Hope Margaret Hancock Trust จากนาง Rinehart ผู้เป็นมารดา หลังจากศาลตัดสินให้ลูกเป็นฝ่ายชนะนาง Bianca Rinehart ก็ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการกองทุนแทนมารดา
แม้จะสูญเสียทรัพย์ไปส่วนหนึ่งแต่นาง Gina Rinehart ก็ยังเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในออสเตรเลียด้วยความมั่งคั่ง 17.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มจากปีก่อน 2 พันล้านเหรียญอันเนื่องมาจากราคาสินแร่เหล็กดีขึ้นจึงทำให้กำไรเพิ่มขึ้น โดยเธออยู่ในอันดับคนรวยที่ 62 ของโลก
นอกจากนั้นเธอยังเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในอันดับที่ 7 ของโลก โดยมีนาง Alice Walton บุตรสาวของผู้ก่อตั้งห้างค้าปลีก Walmart เป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกด้วยสินทรัพย์ 42 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับบุคคลที่รวยที่สุดในโลกคือนาย Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งบริษัท Amezon ด้วยความมั่งคั่ง 112 พันล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้านาย Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ (90 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และนาย Warren Buffett ประธานและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Berkshire Hathaway (84 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนคนดังที่ลืมไม่ได้คือนาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐมีความร่ำรวย 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้ที่เป็นคนรวยอันดับสองของออสเตรเลียคือนาย Harry Triguboff นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้สร้างอพาร์ทเมนท์กว่า 65,000 หลังปัจจุบันมีความร่ำรวย 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คนรวยอันดับสามของออสเตรเลียเป็นคนหน้าใหม่สำหรับคนออสซี่แต่หน้าเก่าสำหรับ Forbes ก็คือนายวิเวกหรือ Vivek Chaans Sehgai นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียประธานบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ Samvardhana Motherson Group ด้วยสินทรัพย์ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในปีนี้มีชาวออสซี่ที่ร่ำรวยลดลงก็คือนาย Andrew Forrest หรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่า Twiggy ประธานบริษัทเหมืองแร่เหล็ก Fortescue Metals สวนกระแสด้วยความร่ำรวยลดลงจาก 5.4 พันล้านเหรียญและเหลือ 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้อันดับโลกความรวยของเขาร่วงจากอันดับที่ 261 มาอยู่ที่ 480 ส่วนหนึ่งมาจากความใจบุญของเขา อย่างเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาเขาและ Nicola ภรรยาบริจาคเงินให้กับโครงการวิจัยมะเร็งและการรณรงค์ต่อการการใช้ทาสแรงงานเป็นจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนชาวออสซี่ผู้ที่เข้ามาอยู่ในทำเนียบคนรวย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกรายอื่น ๆ เช่นนาย Richard White นักดนตรีผู้ผันตัวมาเอาดีทางด้านเทคโนโลยีด้วยการตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ WiseTech Global จนมีลูกค้า 7,000 รายใน 25 ประเทศ มูลค่าหุ้นของเขาพุ่งพรวด ๆ นับตั้งแต่นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2016 จนในปี 2018 เขามีความร่ำรวย 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
รายต่อมานาย Nigel Austin เริ่มจากก่อนก่อตั้งธุรกิจแฟชั่น Cotton On และยังเป็นเจ้าของบริษัทเครือลูกโซ่ Typo ดำเนินธุรกิจใน 19 ประเทศ ปัจจุบันมีความมั่งคั่ง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนาย White และนาย Austin มีสูตรสำเร็จคล้ายกันอย่างหนึ่งก็คือหากต้องการความสำเร็จต้องขยายกิจการไปต่างประเทศ
นาย Brett Blundy ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ขายกิจการเครือชุดชั้นใน Bras N Things ให้กับยักษ์ใหญ่ Hanes ในสหัฐในราคา 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาก้าวเข้ามาอยู่ในทำเนียบปี 2018 ด้วยความมั่งคั่ง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ตามด้วยนาง Gretel Packer บุตรสาวของนาย Kerry Packer อดีตคนรวยที่สุดในประเทศผู้ล่วงลับมีความมั่งคั่ง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่นาย James Packer น้องชายร่วมสายโลหิตของเธอมีความร่ำรวย 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสรุปแล้ว Forbes จัดอันดับชาวออสซี่มีความร่ำรวยเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมทั้งสิ้น 43 คน
หมายเหตุ *อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ณ วันที่ 8 มี.ค. 2018 เงิน 1 ดอลล่าร์ออสเตรเลียเท่ากับ 24.50 บาท
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply