31 ม.ค. 2018 Uber Eats, Foodora, Menulog และ Deliveroo กำลังจะถูกบังคับให้จำต้องจ่ายค่าแรงแก่ผู้ทำหน้าที่เดลิเวอรีของตนเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวในแต่ละสัปดาห์ หลังจากสหภาพแรงงานผลักดันและหนุนหลังพรรคเลเบอร์ในการเดินกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำและสิทธิการจ้างงานแก่ลูกจ้างเดลิเวอรี
ถ้าทำสำเร็จจะทำให้ผู้อยู่ในธุรกิจ “ฟูด-แอกกริเกเตอร์” (food aggregators ผู้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างร้านอาหารกับผู้บริโภคโดยผ่านสื่อสังคมออนไลน์) ในออสเตรเลียจะต้องเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติไปตลอดกาล ที่จะส่งผลต่อราคาสินค้า และการเปลี่ยนลูกจ้างเฉพาะกิจ (ad hoc workers) ให้กลายเป็นลูกจ้างฉันท์พนักงานของบริษัท (de facto employees ขออภัยยังนึกศัพท์ภาษาไทยดีกว่านี้ไม่ออก)
ทั้งนี้สหภาพแรงงานพนักงานขนส่ง (TWU) และสหภาพแรงงานออสเตรเลีย (AWU) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานทรงอิทธิพลของประเทศและเป็นแบคอัพให้กับนาย Bill Shorten ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ต้องการปฏิรูปค่าแรงขั้นต่ำแก่ลูกจ้างเดลิเวอรีในอัตรา 24 เหรียญต่อชั่งโมงในที่ประชุมแห่งชาติของพรรคเลเบอร์ในเดือนกรกฎาคมที่จะมาถึง
และจะเป็นครั้งแรกที่ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจฟูด-แอกกริเกเตอร์อย่าง Uber Eats, Foodora, Menulog และ Deliveroo จะถูกกฎหมายบังคับให้ต้องจัดระบบเงินกองทุนสะสมเลี้ยงชีพและจำนวนชั่วโมงทำงานขั้นต่ำในแต่ละกะให้กับลูกจ้างเดลิเวอรี
แนวความคิดนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลในสหราชอาณาจักรตัดสินในเดือนกันยายนปี 2017 ที่ผ่านมาให้พนักงานขับรถรับส่งผู้โดยสารของ Uber ถูกจัดชั้นเป็นพนักงานของบริษัทผู้ได้สิทธิได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและเงินค่าจ้างในระหว่างลาหยุดพักผ่อนประจำปี

นาย Bill Shorten หัวหน้าพรรคเลเบอร์ที่ผลโพลยังคงร้อนแรง หากมีการเลือกตั้งในวันนี้เขาคือนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย : ภาพจาก News.com.au
นาย Tony Shedon เลขาธิการของสหภาพแรงงาน TWU ผู้ที่จะก้าวมาเป็นประธานพรรคเลเบอร์คนต่อไปกล่าวว่า Uber และผู้อยู่ในธุรกิจที่คล้ายคลึงกันได้ดำเนินงานในวิธีเดียวกับการใช้ทาสแรงงานในช่วงเริ่มต้นของการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 1800s
เขากล่าวว่าสิ่งที่แตกต่างกันก็คือการเข้ามาโดยผ่านแอพลิเคชั่น โดยอภิมหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลในระบบการเมือง
นาย Shedon กล่าวว่าระบบปัจจุบันทำให้แรงงานเดลิเวอร์มีรายได้เพียงแค่พอประทังชีวิต พวกเขาไม่มีหลักประกันในอนาคตที่ดี เพราะพวกเขาไม่มีเงินกองทุนสะสมสำรองเลี้ยงชีพ
ทางด้าน Uber ออกมาเตือนว่าการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ว่า จะทำลายการจัดเตรียมความยืดหยุ่นต่อการทำงาน
โฆษกของ Uber อ้างว่า 94% ของพนักงาน Uber เลือกที่จะทำงานกับบริษัทด้วยเหตุผลที่ว่า พวกเขาต้องการความยืดหยุ่น, ความมีอิสระในการทำงาน, การทำงานที่อาศัยเทคโนโลยีดิจิตอล, ความหลายหลาก และโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการหารายได้
การออกมาเปิดเผยเกิดขึ้นพร้อมกับนาย Shorten ผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตเลขาธิการสหภาพ AWU ออกมาเตือนว่า ระบบค่าแรงเศรษฐกิจกิก (gig economy เป็นเศรษฐกิจที่เติมโตอย่างก้าวกระโดดที่ผู้ทำงานรับงานเป็นครั้ง ๆ มีความเป็นอิสระและไม่ได้เป็นลูกจ้างบริษัท) ได้ทำลายระบบความยุติธรรมของการจ้างงาน
นาย Daniel Walton เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งชาติกล่าวว่า สหภาพแรงงาน AWU จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจกิก(-ะไบต์) ให้มีอารยธรรม (civilise) มากขึ้น และเพื่อนำระบบกลับเข้าสู่มาตรฐานของออสเตรเลียโดยเร็ว
ในขณะเดียวกันสหภาพแรงงานพนักงานสาธารณสุข (HSU) เป็นอีกสหภาพแรงงานหนึ่งที่ออกมาสนับสนุนแนวความคิดดังกล่าว
ในปัจจุบันมีผู้ขับรถ Uber ทั่วประเทศออสเตรเลียเป็นจำนวน 60,000 คน ซึ่งองค์กร Rideshare Drivers United ที่ทำงานเสมือนเป็นตัวแทนของพนักงานเหล่านี้ ประเมินว่าในปัจจุบันพนักงานขับรถ Uber มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 18.75 เหรียญต่อชั่วโมงเท่านั้น
สหภาพแรงงาน TWU เคยประสบความสำเร็จในการผลักดันแรงงานในธุรกิจคูเรียร์ (couriers พนักงานส่งวัสดุภัณฑ์และสินค้าตามบ้าน) ซึ่งเคยได้รับค่าแรงประมาณ 10 เหรียญต่อชั่วโมง เข้าสู่ระบบค่าแรงขั้นต่ำโดยปัจจุบันมีอัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 24.21 เหรียญต่อชั่วโมง เป้าหมายต่อไปของ TWU ก็คือการคุ้มครองแรงงานในธุรกิจฟูด-แอกกริเกเตอร์และในระบบเศรษฐกิจกิก
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply