3 ม.ค. 2017 ชาวออสซี่นิยมตุ๋ยเด็กที่ไปใช้ชีวิตเสพสุขอย่างสบายในประเทศไทยกำลังจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิดมากขึ้นจากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมทางเพศที่มีต่อเด็กของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย
เฉพาะในเมืองพัทยาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งการค้าประเวณีของโลก มีชาวต่างชาติถูกขึ้นบัญชีสงสัยนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไปเยือนเป็นประจำทั้งสิ้นประมาณ 180 คนในจำนวนนี้รวมถึงนักเที่ยวชาวออสเตรเลีย
ธุรกิจการค้าเพศเด็กก่อนหน้านี้มีประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีไทยและกัมพูชาตามาเป็นอันดับสองและสาม แต่ขณะนี้ดูเหมือนประเทศไทยจะสามารถช่วงชิงเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งแทน
อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อระหว่างผู้นิยมตุ๋ยเด็กกับผู้จัดหาเด็ก นอกจากนั้นยังถูกใช้เป็นสื่อออนไลน์เพศสัมพันธ์กับเด็กที่เรียกกันว่า “เว็บมืด” หรือ “dark web” แสดงสดจากประเทศฟิลิปินส์และประเทศไทยให้พวกโรคจิตวิตถารทั่วโลกได้เลือกซื้อชมกัน
ในฟิลิปปินส์หน่วยภารกิจยุติธรรมระหว่างชาติหรือ IJM (the International Justice Mission) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์สามารถช่วยเด็กและสตรีจำนวน 1,275 คนจากขบวนการค้าทาสทางเพศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญที่ถูกจับได้คือนาย Peter Scully นักธุรกิจชาวเมลเบิร์น เจ้าของธุรกิจ “เว็บมืด” รายใหญ่ เขาถูกตั้งข้อหา 75 คดีที่รวมถึงการถ่ายทำวิดีโอแสดงความป่าเถื่อน, ทารุณกรรมและทำร้ายร่างกายทารกอายุ 18 เดือน
นาย Neil Walsh หัวหน้าโครงการอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลกของหน่วยงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมาธุรกิจการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กเล็กได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการหาสมาชิกทางออนไลน์ในระหว่างกลุ่มผู้นิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ที่มีความซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น
นาย Walsh ยังระบุว่าประเทศไทยกำลังเป็นศูนย์กลางเว็บแคมสำหรับสื่อลามกเด็ก “webcam centre for child pornography” ด้วยการช่วงชิงตำแหน่งนี้มาจากประเทศฟิลิปปินส์
จากการสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมาพบมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตถึง 3,600 ที่อยู่ (addresses) ในนครหลวงของประเทศไทยแชร์สื่อลามกเด็กระหว่างกันในช่วงเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันได้เอาจริงกับการแก้ปัญหานี้ด้วยการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต หรือ TICAC (Thailand’s Internet Crimes Against Children Taskforce) โดยได้รับการสนับสนุนจากตำรวจสากลและสำนักงานตำรวจจากประเทศอื่น ๆ รวมถึงจากสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางออสเตรเลีย (AFP)
นาย Supagon Noja (ศุภกร โนจา) หรือที่รู้จักกันในนาม Khru Ja (ครูจา) ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองและพัฒนาทักษะชีวิตเด็ก (AHTCC) กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยมีเพศสัมพันธ์กับเด็กส่วนใหญ่จะหนีรอดมือกฎหมายไปได้ ด้วยการใช้วิธีการติดต่อกับเครือข่ายเด็กที่ซับซ้อนและล้ำสมัย ที่รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ต
เขากล่าวว่าบุคคลเหล่านี้มีไหวพริบและระมัดระวังตัวตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการแกะรอยติดตามและจับกุม
สำหรับครูจาแล้วเขาได้ทำแฟ้มรายชื่อบุคคลเข้าข่ายนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้นเกือบ 700 คน ในจำนวนนี้มีบุคคลที่ได้รับความนับถือทางสังคมอาทิเช่นพระผู้ใหญ่ในศาสนา, คนวงการบันเทิง, ผู้เกษียณอายุงานและครูสอนหนังสือเป็นต้น โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชาย
ครูจากล่าวว่าที่ศูนย์ของเขาขณะนี้ให้การดูแลเด็กที่เคยถูกข่มเหงทางเพศ 41 คนอายุระหว่าง 7 ถึง 17 ปี ซึ่งเขาหวังที่จะได้เห็นการปราบปรามอย่างหนักจากหน่วยงาน TICAC ของตำรวจไทย
ที่ประเทศออสเตรเลียในปีที่ผ่านมาได้ออกกฎหมายห้ามบุคคลที่ถูกบันทึกในทะเบียนผู้มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับเด็กเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อต่อต้านธุรกิจการท่องเที่ยวทางเพศเด็ก (child sex tourism) ซึ่งส่งผลให้ผู้มีประวัติประมาณ 20,000 คนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อีกต่อไป
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสซี่ในเมืองไทย, ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply