.
ศาลตัดสินลูกโค-ตะ-ระชั่วมีความผิดฆ่าพ่อเพียงเพื่อเงินประกันชีวิต…….
นาย Michael Martin Jr (ซ้าย) ขณะทำเนียนออกสื่อเรียกร้องให้สาธารณชนร่วมมือหาตัวคนที่ฆ่าพ่อของเขา โปรดสังเกตหน้าตำรวจนักสืบที่ยืนอยู่ข้าง ๆ : ภาพจากนสพ. The Telegraph
29 ต.ค. 2017 คดีปิตุฆาตมีนาย Michael Martin Jr ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้คิดสังหารบิดาครั้งแรกโดยได้รับความช่วยเหลือจากโสเภณีแต่ไม่สำเร็จ แต่เมื่อได้โอกาสครั้งที่สองเขาไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ใช้ดาบซาบูไรสังหารผู้บังเกิดเกล้าได้สำเร็จ
ศาลได้รับฟังว่านาย Martin Jr ได้วางแผนสังหารนาย Michael Martin Sr วัย 54 ปีบิดามาเป็นเดือน ๆ ร่วมกับนาง Candace Owen (สื่อบางสำนักใช้นามสกุล Martin) ภรรยา ผู้ซึ่งยอมรับสารภาพผิดในคดีทำร้ายพ่อสามีจนได้รับบาดเจ็บร้ายแรงและสมรู้ร่วมคิดในการสังหารพ่อสามี ซึ่งศาลจะกำหนดวันตัดสินโทษเธอในไม่ช้านี้
ศาลได้รับฟังว่านาย Martin Jr ปัจจุบันวัย 28 ปีทำตัวห่างเหินผู้เป็นบิดามาเป็นเวลาหลายปี แต่เขาได้กลับมาตีสนิทและเอาใจใส่บิดาอย่างกลับหน้ามือเป็นหลังมือในช่วงต้นปี 2014 หลังจากนั้นเขาทำประกันชีวิตให้บิดาเป็นจำนวน 3 กรมธรรม์กับบริษัทที่แตกต่างกันในวงเงินรวมกัน 2.5 ล้านเหรียญ ก่อนที่บิดาจะเสียชีวิตในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
ศาลฎีกาเมือง Lismore ทางเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลท์ได้ใช้เวลาพิจารณาคดีต่อเนื่องกันเป็นเวลา 7 สัปดาห์จนสิ้นสุดในสัปดาห์นี้ คณะลูกขุนได้ปฏิเสธข้ออ้างของเขาที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการเสียชีวิตของบิดา แต่คณะลูกขุนกลับพบว่าเขามีความผิดจริงในความพยายามสังหารและฆาตกรรมบิดาในเวลาต่อมา
นาย Michael Martin Sr ผู้ถูกลูกชายสุดแสบกลับมาตีสนิทเพื่อทำประกันชีวิตแล้วสังหารเอาเงินประกัน : ภาพจากข่าว 7News
คณะลูกขุนพบว่านาย Martin Jr พยายามฆ่าบิดาในเดือนเมษายน 2014 ด้วยการว่าจ้างนาง Jessica Fallon โสเภณีสาวและชายอีกสองคนเป็นมือสังหาร แต่นาย Martin Sr เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนั้นเขาถึงกับผู้กับภรรยาของเขาว่า “เขาแข็งแรงเกินไป ไอ้แก่นี้มันหัวแข็งเหมือนผม” (อันเป็นไปตามคำให้การของผู้เป็นภรรยา)
ในความพยายามสังหารครั้งแรกส่งผลให้นาย Martin Sr ต้องนอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ก่อนที่อาการจะดีขึ้นและแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 12 มิถุนายน 2014
หลังออกจากโรงพยาบาลนาย Martin Jr ได้นำบิดากลับมาพักที่ยูนิตในเมือง Murwillumbah ทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของรัฐน.ซ.ว. (ห่างชายแดนรัฐควีนสแลนด์ 13 กม.) สถานที่ที่ผู้เป็นบิดาถูกทำร้ายปางตายครั้งแรก
ต่อมาในตอนชั่วโมงแรก ๆ ของวันที่ 13 มิถุนายน 2014 นาย Martin Jr จึงสังหารบิดาด้วยดาบซาบูไร หนึ่งในอาวุธที่เขาสะสมในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้
นาย Martin Jr อ้างว่าเขาและบิดาตกเป็นเหยื่อของผู้บุกรุก เขาถูกคนร้ายตีจากด้านหลัง คนร้ายได้จับขาของเขาลากเข้ามายังห้องครัว แล้วเอาเทปผ้าพันเขา พร้อมกับพูดว่า “ห้ามส่งเสียงไม่งั้นมึงตาย” จากนั้นเขาได้ยินเสียงพ่อของเขาถูกเชือดคอ
คนร้ายได้ลากเขามาอยู่ที่พื้นภายนอกยูนิตที่พัก เขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจนกระทั่งมีคนผ่านมาพบและโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน 000
แต่นาย Brendan Campbell อัยการฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่านาย Martin Jr มีแผนการสังหารบิดาของเขาเพื่อหวังเงินประกัน 2.5 ล้านเหรียญ
หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งก็คือจดหมายที่เขาเขียนถึงภรรยาโดยมีข้อความส่วนหนึ่งว่า “เงินเริ่มขาดมือ แต่ผมมีความคิดดี ๆ ที่จะทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น คุณและผมจะสามารถมีสิ่งที่อยากได้ในชีวิตตามที่ต้องการ”
นอกจากนั้นอัยการโจทก์ยังแสดงหลักฐานบันทึกเสียงโทรศัพท์ที่นาย Martin Jr สมอ้างเป็นนาย Martin Sr โทรไปสอบถามบริษัทประกันชีวิต OnePath ว่าบริษัทยังคงจ่ายเงินเคลมประกันชีวิตหรือไม่หากเป็นการเสียชีวิตจาก “การกระทำโดยเจตนา”
และจากใบเสร็จรับเงินของห้างฮาร์ดแวร์ Bunning ลงวันที่ 12 มิถุนายนหรือหนึ่งวันก่อนวันสังหารแสดงให้เห็นว่านาย Martin Jr เป็นผู้ซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการสังหารทั้งสิ้นที่รวมถึงยาฆ่าเชื้อ, ถุงมือและเทปผ้า ซึ่งทั้งหมดถูกใช้ในการสังหาร
นาย Michael Martin Jr ขณะให้ปากคำที่สถานีตำรวจ Tweed Heads : ภาพจากนสพ. The Telegraph
ในระหว่างการพิจารณาคดีติดต่อกัน 7 สัปดาห์คณะลูกขุนยังได้รับชมบันทึกเทปวิดีโอในขณะที่ตำรวจทำการสอบปากคำนาย Martin Jr ที่สถานีตำรวจ Tweed Heads อีกด้วย
หลังจากคณะลูกขุนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเขามีความผิด ผู้พิพากษา Peter Hamill ได้สั่งฝากขังจำเลยต่อไปส่วนวันตัดสินโทษจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
หมายเหตุ ท่านสามารถอ่านข่าวเกี่ยวเนื่องกับคดีนาย Michael Martin Jr ฆ่าบิดาได้ด้วยการกดคลิกที่ “คดีนาย Michael Martin Jnr.” ที่ Tags ท้ายข่าวนี้
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply