นาง Natalie James เจ้าพนักงานออมบุดส์แมนด้านความเป็นธรรมในการจ้างงาน (FWO) : ภาพจากนสพ. SMH

3 ส.ค. 2017 นาง Natalie James สั่งลุยอีกแล้วหนนี้เป็นเจ้าของตลาดผลไม้ที่มีหน้ามีตาของชุมชนมุสลิมชาวเลบานอน ถูกปรับเป็นเงินกว่า 600,000 เหรียญจากการใช้ทาสแรงงานผู้ลี้ภัยใหม่ด้วยค่าแรงเฉลี่ย 3.50 เหรียญต่อชั่วโมง

ผู้ที่ถูกนาง Natalie James เจ้าพนักงานออมบุดส์แมนด้านความเป็นธรรมในการจ้างงาน (FWO) สั่งลูกน้องเอาผิดถึงที่สุดคือนาย Abdulrahman Taleb อดีตเจ้าของตลาดขายผลไม้ Sunshine Fruit Market ที่ย่าน Sunshine เขต City of Brimbank นครเมลเบิร์น ผู้พบมีความผิดฐานจ่ายค่าจ้างนาย Syed Jamal Udin Kazemi ผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานต่ำกว่าที่เขาสมควรได้รับถึง 25,000 เหรียญเพียงการทำงานแค่ 4 เดือนเท่านั้นโดยเหตุเกิดในช่วงปลายปี 2012 ถึงต้นปี 2013

ผู้พิพากษา Philip Burchardt กล่าวถึงการกระทำของนาย Taleb อดีตผู้ลี้ภัยรุ่นเก่าทำกับนาย Kazemi ผู้ลี้ภัยรุ่นใหม่ว่า บางครั้งเขาก็เพียงแค่ทำลืมไม่จ่ายค่าแรงเท่านั้น และกล่าวถึงจำนวนเงินค้างจ่ายว่า “มากมายและมหาศาล” (“enormous and egregious”)

นาย Kazemi มีอายุ 20 ต้น ๆ เมื่อเริ่มทำงานโดยไม่ได้รับค่าแรงใด ๆ และต่อมาจึงได้รับค่าแรงตายตัวในอัตรา 10 เหรียญต่อชั่วโมงไปจนถึง 120 เหรียญต่อวันจากการทำงานเป็นลูกจ้างแรงงานทั่วไปในตลาดผลไม้ ซึ่งเฉลี่ยแล้วตกเป็นค่าจ้างชั่วโมงละ 3.50 เหรียญจากการที่เขาทำงานให้กับนายจ้างจอมโหดเป็นเวลา 4 เดือน

ซึ่งอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่เขาควรได้รับจะต้องอยู่ที่ราว 17 เหรียญต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานในวันจันทร์ถึงศุกร์, 35 เหรียญต่อชั่วโมงสำหรับวันเสาร์และอาทิตย์และ 43 เหรียญต่อชั่วโมงสำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์

ผู้พิพากษา Burchardt ได้สั่งปรับบริษัท Mhoney Pty Ltd นิติบุคคลเจ้าของตลาดเป็นเงิน 644,000 เหรียญ และปรับนาย Taleb ในฐานะเจ้าของและกรรมการผู้บริหารเป็นเงิน 16,620 เหรียญ รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 660,620 เหรียญ (17.4 ล้านบาท)

ถือเป็นการทำลายสถิติโทษปรับสูงสุดเท่าที่สำนักงาน FWO ชนะคดีมา โดยยังไม่รวมค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย และเงินชำระคืนให้กับนาย Kazemi พร้อมดอกเบี้ย

ตลาดผลไม้ Sunshine Fruit Market ในนครเมลเบิร์น : ภาพจาก Google Street View

นาง James กล่าวว่า คดีนี้แสดงให้เห็นถึงการเอาเปรียบแรงงานที่เปราะบาง อย่างผู้ที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างจำกัดและแรงงานชาวต่างชาติที่ถูกข้อจำกัดทางวีซ่า

เธอกล่าวว่าในปีการเงิน 2016-17 ที่เพิ่งผ่านไปมีผู้ขอความช่วยเหลือจาก FWO ในเรื่องการจ้างงานจากกลุ่มชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าต่าง ๆ เป็นจำนวน 18% ของการร้องเรียนทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ อย่างมากมาย

โดยกว่าครึ่งไปจบลงที่การขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน

สำหรับคดีนาย Taleb ตกเป็นจำเลยเกิดขึ้นเมื่อนาย Kazemi มาขอความช่วยเหลือจากสำนักงาน FWO ในเดือนมกราคม 2013 หลังจากเขาเริ่มเรียนรู้ถึงวิถีทางของออสเตรเลียว่าได้ถูกจ้างงานกดค่าแรงต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

นาง James ยังพบว่ามีผู้ใช้แรงงานหลายคนไม่เข้ามาเรียกร้องสิทธิ์ที่ควรได้รับก็เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านภาษา ในขณะที่นายจ้างหลายคน แม้จะร่ำรวยแล้วก็ยังเอาเปรียบผู้ด้อยโอกาสกว่าอย่างเยือดเย็น

ผู้พิพากษา Burchardt ได้้กล่าวถึงนาย Taleb ว่าเป็นคนมีหน้ามีตาและเป็นที่เชื่อถือของชุมชนชาวเลบอนอนในนครเมลเบิร์น แต่เขาก็ยังไม่รู้สำนักผิดหรือแสดงความขอโทษต่อสิ่งที่เขาทำต่อนาย Kazemi

ภาพประชาสัมพันธ์แอพพลิเคชั่น Record My Hours ของสำนักงาน Fair Work Australia

ภาพหน้าตาแอพฯในโทรศัพท์มือถือหน้าแรกเป็นการบันทึกชั่วโมงการทำงานของวันนี้ หน้าที่สองเป็นชั่วโมงทำงานสะสม และหน้าขวามือเป็นรายละเอียดของงานที่ทำ

ท้ายสุดสำนักงานความเป็นธรรมในการจ้างงานออสเตรเลีย (FWA) ได้ทำแอพพลิเคชั่น Record My Hours สำหรับโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานบันทึกชั่วโมงแรงงานที่ทำและบันทึกการจ่ายค่าแรงงานเป็น 18 ภาษา ได้ที่ http://www.fairwork.gov.au/app ซึ่งบันทึกนี้หากมีข้อพิพาทแรงงานในอนาคต อาจช่วยเจ้าหน้าที่ FWO ทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ท้ายสุดอีกสุดท้ายจริง ๆ ตลาด Sunshine Fruit Market ในปัจจุบันยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับนาย Abdulrahman Taleb แต่อย่างใด

jingjonews.com

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์

Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: ข่าวรัฐวิกตอเรีย, ข่าวออสซี่, ข่าวออสเตรเลีย, คณะกรรมการ FWO, ค่าแรงขั้นต่ำ, ค่าแรงในออสเตรเลีย, ประเทศออสเตรเลีย, รัฐวิกตอเรีย, ออมบุดส์แมนด้านความเป็นธรรมในการจ้าง, ออสเตรเลีย, Fair Work Ombudsman, Natalie James, Record My Hours