30 เม.ย. 2017 กระทรวงการเข้าเมืองออสเตรเลียถูกสื่อมวลชนโจมตีอีกครั้ง จากการปฏิเสธนักท่องเที่ยสาวชาวแคนาดาผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งสมองเข้าประเทศ บนเหตุผลที่เธอเป็นโรคมะเร็ง
ผู้ถูกปฏิเสธวีซ่ารายนี้คือน.ส. Kaitlin Norton วัย 30 ปีผู้ซึ่งครอบครัวของเธอวางแผน “ทัวร์ฉลองชัยชนะ” มาตั้งแต่ห้าปีที่แล้วว่าจะมาท่องเที่ยวออสเตรเลียเพื่อฉลองที่เธอสามารถรอดชีวิตจากโรคเนื้องอกสมองกลิโอบาสโตมาระดับ 4 ( grade IV glioblastoma) ซึ่งเป็นโรคมะเร็สสมองอันตรายและเกิดขึ้นยาก โดยผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 12 หรือ 14 เดือนเท่านั้น
การได้กลับมาท่องเที่ยวออสเตรเลียอีกครั้งและครั้งนี้พร้อมกับสมาชิกในครอบครัวคือความฝันอันสูงสุดของเธอ และเป็นคำมั่นและกำลังใจที่ทำให้เธอต่อสู้กับโรคร้ายได้สำเร็จ
แต่เมื่อเธอขึ้นเครื่องบินจากเมือง Calgary ในรัฐ Alberta ของแคนนาดามาถึงสนามนานาชาติบินซิดนีย์ น.ส. Norton ได้รับแจ้งว่าวีซ่าของเธอที่ขอวีซ่าการอนุญาตการเดินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ETA) ได้รับการปฏิเสธ แม้ว่ากระทรวงได้เก็บค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิตของเธอและไม่ได้แจ้งถึงการปฏิเสธวีซ่า
ในการเดินทางครั้งนี้น.ส. Norton ได้ทำประกันการเดินทางอย่างเต็มรูปแบบสำหรับคนป่วยที่มีสภาพร่างกายปกติมาเป็นเวลากว่า 90 วัน
เธอและสมาชิกในครอบครัวได้มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในออสเตรเลียในระหว่างวันที่ 24 มีนาคมถึง 14 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อฉลองที่เธอสามารถต่อสู้กับโรคร้ายที่เธอมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 2% ได้สำเร็จ
การท่องเที่ยวครั้งนี้ถูกวางแผนให้เป็นส่วนหนึ่งที่ีทำไว้ในปี 2012 เมื่อครั้งที่น.ส. Norton ในขณะอายุ 25 ปีเดินทางมาออสเตรเลียด้วยวีซ่าทำงาน-ท่องเที่ยวในนครซิดนีย์ แล้วเกิดเป็นลมและสลบไป
คณะแพทย์ที่โรงพยาบาล Royal North Shore ตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งสมองในวันต่อมา
น.ส. Norton กล่าวว่า เมื่อบิดามารดาของเธอเดินทางมาดูแลเธอที่ออสเตรเลียในปี 2012 พวกเขาได้กล่าวว่า สมาชิกในครอบครัวทุกคนรวมถึงน้องชาย (หรือพี่ชาย) จะกลับมาที่นี่อีกในปี 2017 เพื่อฉลองชัยชนะที่หายป่วย (แล้วคำพูดเพื่อให้กำลังใจในครั้งนั้น ได้เป็นจริงหลังจากเธอรอดชีวิตจากโรคร้ายมาได้อย่างปาฏิหาร์ย์)
เธอกล่าวว่า การถูกปฏิเสธวีซ่าเท่ากับเป็นการทำลายความฝันของเธอและครอบครัว เธอถูกปฏิเสธที่ด่านเข้าเมืองภายในสนามบินโดยเธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องไห้
ตอนนั้นบิดามารดาและน้องชาย (หรือพี่ชาย) ได้เดินทางเข้ามาในนครซิดนีย์แล้ว และกำลังรอการฉลองร่วมกับเธอที่จะเดินทางมาสมทบภายหลัง แต่เธอไม่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาได้
น.ส. Norton กล่าวย้อนหลังเหตุการณ์ว่า เธอได้รับคำแนะนำ 4 ชั่วโมงก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่องบินในวันที่ 24 มีนาคมว่าวีซ่า ETA ของเธอที่ยื่นขอเมื่อวันที่ 18 มีนาคมยังไม่เรียบร้อย และขอให้เธอติดต่อไปที่สถานทูตในวันจันทร์เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
จนกระทั่งวันที่ 28 มีนาคมเธอจึงได้รับคำแนะนำให้ยื่นขอวีซ่าอีกแบบหนึ่งซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาอีก 4 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าหากเธอทำวีซ่าอีกประเภทหนึ่ง แผนการท่องเที่ยวกับสมาชิกในครอบครัวได้จบสิ้นไปแล้ว
ตอนนั้นเธอเหมือนอยู่ในความมืดเพราะไม่ทราบเหตุผลที่ถูกขอให้เปลี่ยนประเภทวีซ่า ในที่สุดจึงได้รับอีเมลคำตอบจากผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติงานของศูนย์การประมวลผลสากลในรัฐแทสมาเนียในวันที่ 30 มีนาคมว่า เป็นเพราะสาเหตุที่เธอเป็นโรคมะเร็ง
นับตั้งแต่เธอเป็นโรคมะเร็งเธอได้เดินทางกลับมาออสเตรเลียตามลำพังสองครั้งในปี 2013 และปี 2015 ด้วยการขอวีซ่า ETA โดยกระทรวงการเข้าเมืองก็ทราบถึงอาการป่วยของเธอ
น.ส. Norton กล่าวว่า ตอนนั้นไม่มีการแสดงความเห็นอกเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบินในเรื่องสภาพของเธอ
ทางด้านนาง Pat Norton กล่าวว่า เธอตกใจและรู้สึกหดหู่ต่อการขาดความเห็นอกเห็นใจและเมตตาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการเข้าเมืองตลอดช่วงที่บุตรสาวของเธอถูกปฏิเสธและส่งกลับประเทศ
ทางด้านกระทรวงการเข้าเมืองได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ที่ 29 เมษายนว่า กระทรวงไม่ได้ปฏิเสธน.ส. Norton เข้าประเทศ แม้ว่าสื่อมวลชนจะมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ากระทรวงได้ปฏิเสธวีซ่าของเธอ
โฆษกของกระทรวงการเข้าเมืองกล่าวว่ากระทรวงรู้สึกเสียใจต่ออัตภาพที่เธอเป็นอยู่ (her personal circumstances) การยื่นขอวีซ่า “จะยังคงไม่สามารถนำมาใช้ในการเดินทางได้จนกว่าพวกเขาจะได้รับแจ้งว่าวีซ่าได้รับการออกให้แล้ว” !!!
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply