บ้าน : ภาพจาก economywatch.com
23 พ.ค. 2016 รายงานผลการวิจัยของสำนักเศรษฐกิจ Capital Economics เชื่อว่าราคาบ้านในประเทศออสเตรเลียจะตกลงประมาณ 10% ในปี 2019 และ 2020 แต่ยังเห็นว่าวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (subprime mortgage crisis) อย่างที่เกิดขึ้นในสหรัฐจะไม่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย
นาย Paul Dales ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics กล่าวว่าราคาบ้านตกอย่างฮวบฮาบอย่างที่เกิดขึ้นในสหรัฐในช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลก (GFC) กำลังจะเกิดขึ้นในออสเตรเลีย โดยทำนายว่าราคาบ้านยังคงแข็งแกร่งต่อไปอีกสองปีจากนั้นจะลดลงในปี 2019 และ 2020
เขากล่าวว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียอาจตกลงมากกว่าที่เกิดขึ้นในสหรัฐก่อนเกิดวิกฤตการณ์ GFC เสียอีก เพราะราคาบ้านในออสเตรเลียได้เพิ่มขึ้นถึง 350% นับจากปี 1990 ร้อนแรงกว่าราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้น 140% ก่อนที่ฟองสบูเศรษฐกิจจะแตกออกมา
แต่โดยมาตรการด้านที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียทำให้ราคาบ้านสูงค่ากว่าความเป็นจริงน้อยกว่าที่เกิดขึ้นในสหรัฐในช่วงบูมสุดขีด จนส่งผลให้ราคาบ้านในสหรัฐตกลง 30% ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลก (GFC)
การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, แคนาดาและสหรัฐ โดยใช้ฐานราคาปี 1990 เท่ากับ 100 จะเห็นว่านับจากปี 2010 เป็นต้นมาราคาบ้านในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นทิ้งช่องว่างห่างจากประเทศอื่น ๆ : ภาพจาก Thomason Datastream, CREA
นาย Dales กล่าวว่าความแตกต่างระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐอยู่ที่มาตรฐานการให้กู้เงิน ในออสเตรเลียไม่หละหลวมเหมือนในสหรัฐ กล่าวคือในออสเตรเลียมีการให้สินเชื่อแก่ผู้ที่วางเงินดาวน์ต่ำกว่าร้อยละ 10 ในอัตรา 9% ในขณะที่ในสหรัฐเกิดขึ้นถึง 29%
ในออสเตรเลียการให้สินเชื่อด้อยคุณภาพหรือสินเชื่อซับไพรม์อยู่ในอัตรา 2% ของการให้กู้ยืม แต่ในสหรัฐก่อนฟองสบูแตกอยู่ในระดับ 14%
โดยสรุปแล้วสำนัก Capital Economics ทำนายว่าราคาบ้านในปี 2016 จะเพิ่มขึ้น 4.5% จากนั้นในปี 2017 จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในปี 2018 ราคาบ้านจะคงที่ แล้วตกลง 3% ในปี 2019 ตามด้วยจะตกลง 5% ในปี 2020
หมายเหตุ ขณะนี้จิงโจ้นิวส์อยู่ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ตามที่แจ้งไว้ในสู่เดือนพฤษภาคมครับ
jingjonews.com
jingjonews@hotmail.com
จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตุถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน โดยปลอดจากการโฆษณาในเชิงพาณิชย์
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply