เจ้าของฟาร์มหญิงเกือบเสียชีวิต เพราะถูกจิงโจ้สูง 2 เมตรทำร้าย

นสพ. Sunday Mail ฉบับ 25 ต.ค. 2015 เสนอข่าวจิ้งโจ้หนุ่ม (ภาพเล็ก) ทำร้ายเจ้าของฟาร์ม แต่ได้เจ้า Jess สุนัขในภาพช่วยไว้ได้

นสพ. Sunday Mail ฉบับ 25 ต.ค. 2015 เสนอข่าวจิ้งโจ้หนุ่ม (ภาพเล็ก) ทำร้ายเจ้าของฟาร์ม แต่ได้เจ้า Jess สุนัขในภาพช่วยไว้ได้

26 ต.ค. 2015 ข่าวนี้ปรากฎในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ Sunday Mail ฉบับ 25 ตุลาคม ก่อนที่จะกลายเป็นขาวเล็ก ๆ ในหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นในวันรุ่งขึ้น ถึงสตรีคนหนึ่งถูกจิงโจ้้เพศผู้ขนาด 2 เมตรทำร้ายปางตาย ที่ฟาร์มของเธอใน Adelaide Hills รัฐเซาท์ออสเตรเลีย

เหยื่อถูกจิงโจ้ทำร้ายรายนี้คือนาง Margaret Acton วัย 55 ปี ถูกจิงโจ้ที่อาศัยอยู่ในฟาร์มของเธอทำร้าย ก่อนที่ Jess สุนัขเพศเมียของเธอจะเข้ามาช่วยชีวิตด้วยการเห่า ทำให้จิงโจ้ผู้ก่อเหตุหยุดทำร้าย เธอได้รับบาดแผลที่ศีรษะและคอมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

นาง Acton กลัวจะเสียเลือดจึงทำการห้ามเลือด แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาการทำเช่นนั้นอาจทำให้เธอเสียชีวิตได้ เนื่องจากหลอดอาหารของเธอฉีกขาด ทำให้คอของเธอบวมเป่งไปปิดกั้นเส้นทางอากาศหายใจเข้าออกของเธอ

หลังจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทำการรักษาเบื้องต้น เธอได้ถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาล RAH (คือ รพ. Royal Adelaide Hospital) เพื่อทำการผ่าตัดฉุกเฉิน เธอต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 วันแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

จิงโจ้ที่ไร่องุ่นแห่งหนึ่งใน Adelaide Hills

จิงโจ้ที่ไร่องุ่นแห่งหนึ่งใน Adelaide Hills

นาง Acton ผู้เคยรับราชการตำรวจมา 35 ปี ได้เล่าถึงเหตุการณ์ถูกจิงโจ้ทำร้ายว่า วันนั้นเป็นเวลาเย็นของวันที่ 1 ตุลาคมเธอได้พาเจ้า Jess สุนัขพันธุ์ผสม husky/kelpie cross วัย 1 ปี 4 เดือนออกเดินเล่นตามปกติอยู่ในฟาร์มที่เธอและนาย Adrian Acton สามีวัย 75 ปีซื้อไว้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว และก็ได้เห็นฝูงจิงโจ้สีเทาอาศัยอยู่ตั้งแต่แรกย้ายเข้ามา

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเธอมาถึงเขื่อนกั้นน้ำ เธอเห็นจิงโจ้ที่อยู่บริเวณนั้น 2 ตัวหลบเธอไป   และ Jess ก็หายไป

ต่อมาเธอได้ยินเสียงน้ำกระจาย เมื่อหันไปดูก็พบ Jess กำลังลงเล่นน้ำในลำธานน้ำตื่นตามปกติที่มันเล่นอยู่ประจำ  และเห็นจิงโจ้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Jess ทุกย่างก้าวที่ Jess วิ่งไปด้วยความร่าเริง จิงโจ้ตัวนั้นก็ตาม Jess ไป

ด้วยความกลัวว่าเจ้าจิงโจ้จะสังหารเจ้า Jess เธอรู้ว่าจิงโจ้จะรอให้ jess กลับเข้ามา แล้วก็จะบังคับให้ Jess กลับออกไปในน้ำ แล้วในที่สุด Jess ก็จะถูกต้อนให้ไปอยู่ในน้ำลึก มันจะเหนื่อย และจมน้ำตาย   เหมือนอย่างที่ชาวฟาร์มเพื่อนบ้านเคยเล่าให้ฟัง เธอจึงตัดสินใจเข้าขัดขวาง

แต่เมื่อเธอเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขอบเขื่อน เธอได้สะดุดรากต้นยูคาลิปตัสเสียหลักหล่นลงไปในน้ำตื้น ๆ ในไม่กี่วินาทีเจ้าจิงโจ้หนุ่มตัวสูง 2 เมตรก็เข้ามาถึงตัวเธอ มันเอาเท้าหน้าข้างหนึ่งที่มีเล็บแข็งและคมตะบบเข้าที่คอด้านซ้ายของเธอ ซึ่งต่อมาแพทย์ผู้ทำการรักษาเชื่อว่าหมัดฮุกแรกนี้เองที่ทำให้หลอดอาหารของเธอฉีกขาด และเป็นหมัดที่ส่งให้เธอลงไปกองอยู่กับพื้นน้ำที่เปียกชื้น แต่ประสบการณ์จากการเป็นตำรวจทำให้เธอรีบงอตัวปิดท้องและใบหน้า เพื่อป้องกันถูกมันเตะและต่อยอวัยวะสำคัญ

ในขณะที่ทำตัวงออยู่นั้นเธอพยายามลวงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อเพื่อโทรขอความช่วยเหลือจากสามี แต่โทรศัพท์ได้หายไป เธอจึงพยายามเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ เข้าไปใกล้รั้วลวดหนาม เผื่อว่าจะมีช่องให้เธอรอดลวดหนามพ้นจากการถูกจิงโจ้ทำร้าย

เมื่อได้จังหวะที่คิดว่าปลอดภัยเธอจึงได้ยืนขึ้น แต่จิงโจ้หนุ่มไวกว่ามันใช้เท้าหน้าชกที่ศีรษะและลำตัวเธอ   และถือเป็นโชคดีที่ Jess พยายามเข้ามาช่วย มันได้เห่าไล่จิงโจ้   ทำให้จิงโจ้หยุดทำร้ายแล้วถ่อยห่างออกไป

ต่อมานาง Acton พบโทรศัพท์มือถือตกอยู่บริเวณนั้น จึงโทรหาสามีให้มาช่วยเธอ จากนั้นจึงโทรหมายเลข 000 เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน

สามีของเธอซึ่งอยู่ในบ้านห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 900 เมตร มาถึงที่เกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที เขายอมรับว่าเขารู้สึกช็อกเมื่อเห็นสภาพของภรรยา แต่มีสติในการรีบช่วยพาเธอกลับเข้าบ้านและทำการปฐมพยาบาลก่อนที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จะมาถึงด้วยการช่วยห้ามเลือด แต่ต่อมานาง Acton รับรู้ได้ว่ากล้ามเนื้อคอ, หลอดลมและลิ้นของเธอเริ่มบวมเป่งและหายใจติดขัด

ก็พอดีกับที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาถึงพอดี   พวกเขาทำการรักษาเบื้องต้น ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมารับเธอไปส่งยังโรงพยาบาล RAH

ทางด้านดร. Deb Kelly ผู้จัดการฝ่ายสวัสดิภาพสัตว์ป่าของกระทรวงสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำและทรัพยาของรัฐบาลรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าวว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการถูกจิงโจ้ทำร้ายเพียงรายเดียว เกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรีย   ในขณะที่ผู้เสียชีวิตหยุดรถเพื่อให้อาหารจิงโจ้ข้างทาง

ซึ่งดร. Kelly ขอเตือนว่าอย่าให้อาหารแก่สัตว์ป่า เพราะเท่ากับว่าจะทำให้พฤติกรรมการกินของมันเปลี่ยนไป และมันอาจจะทำมากกว่ากินอาหารที่มนุษย์ยื่นให้

สำหรับกรณีของนาง Acton เธอสันนิษฐานว่าจิงโจ้อาจเกิดความกลัวว่าจะถูกโจมตีโดย Jess เพราะแท้จริงแล้วเมื่อจิงโจ้อยู่ในน้ำมันจะมีความตื่นกลัว   เมื่อนาง Acton เสียหลักพลาดหล่นลงไปในน้ำ ทำให้มันตกใจจึงเข้าทำร้าย เพราะปกติจิงโจ้ไม่ใช่สัตว์ที่เป็นฝ่ายทำร้ายคนก่อน

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตุถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดโฆษณาในเชิงพาณิชย์



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: