รัฐบาลกลางขานรับแก้กม.ก่อการร้าย เพิ่มอำนาจกักขังวัยรุ่น 14 ปีได้

นสพ. telegraph ฉบับ 13 ต.ค.2015 เสนอข่าวรัฐบาลกลางสนองตอบรัฐบาลรัฐน.ซ.ว.ในการเพิ่มอำนาจกักขังวัยรุ่นอายุ 14 ปี หลังเหตุการณ์วันรุ่นวัย 15 ปีบุกยิงนาย Curtis Cheng เสียชีวิตที่สำนักงานใหญ่ตำรวจรัฐน.ซ.ว.

นสพ. telegraph ฉบับ 13 ต.ค.2015 เสนอข่าวรัฐบาลกลางสนองตอบรัฐบาลรัฐน.ซ.ว.ในการเพิ่มอำนาจกักขังวัยรุ่นอายุ 14 ปี หลังเหตุการณ์วันรุ่นวัย 15 ปีบุกยิงนาย Curtis Cheng เสียชีวิตที่สำนักงานใหญ่ตำรวจรัฐน.ซ.ว.

13 ต.ค. 2015 รัฐบาลกลางขานรับที่จะนำเสนอกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายใหม่ด้วยการให้อำนาจตำรวจมากขึ้น หลังจากนาย Mike Baird นายกรัฐมนตรีรัฐน.ซ.ว.เรียกร้องให้รัฐบาลกลางเป็นหัวหอกในต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อรับมือกลุ่มก่อการร้ายที่เปลี่ยนกลยุทธใหม่ด้วยการใช้เด็กในวัย 14 – 15 ปีเป็นผู้ก่อการ

นาย George Brandis ร.มว.สำนักงานอัยการของรัฐบาลกลางได้กล่าวตกลงตามคำขอของนาย Baird ในคำสั่งควบคุม (control orders) ที่รวมถึงการลดอายุในการกักขังผู้ต้องสงสัย ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้ตำรวจสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายได้จากวัย 16 ปีจะลงมาอยู่ที่อายุ 14 ปี หลังจากเหตุการณ์สังหารนาย Curtis Cheng เจ้าหน้าที่พลเรือนของสำนักงานตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์โดยนาย Farhad Jabar ผู้ก่อการมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น

คำสั่งควบคุม (พิเศษนี้) สามารถมีผลบังคับได้นานถึง 12 เดือนและสามารถกำหนดข้อจำกัดการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาและสถานที่ที่กำหนด และรวมถึงคำสั่งไม่ให้ติดต่อกับบุคคลตามที่ระบุไว้

อย่างไรก็ตามนาย Baird ยังต้องการให้รัฐบาลกลางออกกฎหมายควบคุมมากกว่านี้อีก ด้วยการอนุญาตให้ตำรวจสามารถกักกันผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายได้เป็นเวลา 28 วัน โดยยังไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา

เมื่อคืนวานนี้ (12 ตุลาคม) นาย Baird ได้นำร่องด้วยการประกาศเปลี่ยนแปลคำสั่งควบคุม หลังจากที่เขาและนาย Troy Grant ร.มต.ทบวงตำรวจของรัฐบาลรัฐน.ซ.ว.มีหนังสือไปถึงนาย Malcolm Turnbull นายกรัฐมนตรีและขู่ว่ารัฐบาลรัฐน.ซ.ว.จะออกกฎหมายใช้ตามลำพัง หากรัฐบาลกลางไม่สนองรับ

การเพิ่มอำนาจใหม่เป็นการปรับขึ้นมาในแนวเดียวกับกฎหมายของสหราชอาณาจักร ที่รวมถึงอำนาจในการกักขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายเพื่อ “การกักกันขั้นต้น 4 วัน และสามารถขยายเวลากักกันได้ไม่เกิน 28 วัน” ถ้า “มีความสมเหตุสมผลว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่นำไปสู่การก่อการร้าย”

นอกจากนั้นยังเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ “ได้รับอนุญาตสอบปากคำเพื่อวัตถุประสงค์ทางหลักฐาน” และ “จัดตั้งกลไกเพื่อเปิดทางให้ผู้พิพากษาอาศัยข้อมูลละเอียดอ่อนในการยับยั้งหรือกักขังบุคคลที่อยู่ในข่ายก่อการร้าย”

ซึ่งหมายความว่า ตำรวจไม่จำเป็นต้องรวบรวมและแสดงหลักฐานทั้งหมด ในขบวนการพิจารณาผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย

ภายใต้กฎหมายอาญาฉบับปัจจุบันของเครือรัฐออสเตรเลีย กำหนดให้มีการกักกันผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย (โดยปราศจากการตั้งข้อหา) เป็นเวลาไม่เกิน 8 วัน และสามารถสอบปากคำผู้ต้องสงสัยได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงในช่วงเวลาดังกล่าว

รัฐบาลรัฐน.ซ.ว.กล่าวว่า คำสั่งควบคุมอายุลดลงจาก 16 ปีมาอยู่ที่ 14 ปี หมายถึงเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไปผู้ซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการก่อการร้าย จะได้รับคำสั่งควบคุมเหนือพวกเขาเป็นต้นว่า จำกัดสถานที่ที่พวกเขาไป, การสั่งห้ามพบปะกับบุคคลที่ระบุไว้ และกำหนดสิ่งที่พวกเขาควรทำเป็นต้น

ความจำเป็นต้องมีมาตรการใหม่ของรัฐบาลรัฐน.ซ.ว.ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับหน่วย Operation Appleby เมื่อครั้งปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมล้มแผนการก่อการร้ายก่อนที่จะเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ด้วยการจู่โจมที่พักอาศัยหลายแห่งในซิดนีย์ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยร่วมแผนก่อการร้ายได้ 15 คน แต่สามารถตั้งข้อหานาย Omarjan Azari เป็นผู้วางแผนก่อการร้ายได้เพียงคนเดียว

(เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตั้งข้อหาคนอื่น ๆ ได้ เพราะการก่อการร้ายยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมให้เกิดขึ้นก่อนจับกุมไม่ได้ อีกทั้งข้อกำหนดของกฎหมายเดินเป็นอุปสรรคในการทำคดีของเจ้าหน้าที่)

ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อยู่ในบัญชีเฝ้าติดตามของตำรวจได้ปรับกลยุทธใหม่ ด้วยการใช้วัยรุ่นอายุ 14 ถึง 15 ปีผู้เป็นเด็กนักเรียนธรรมดาและทีประวัติขาวสะอาด เป็นผู้ทำหน้าที่ก่อการร้ายแทน   อย่างนาย Jabar นักเรียนวัย 15 ปีของโรงเรียน Arthur Phillip High ที่ถูกพวกเขาล้างสมองเพียง 3 วัน ก็ตกลงรับภารกิจปฏิบัติการพลีชีพสังหารนาย Chen ที่หน้าสำนักงานใหญ่ตำรวจรัฐน.ซ.ว.

ก่อนปฏิบัติภารกิจนาย Jabar ได้ไปพบกลุ่มบุคคลเพื่อรับคำแนะนำ, รับอาวุธปืน และเปลี่ยนมาใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำเพื่อกระทำการสังหารที่หน้าสำนักงานใหญ่ตำรวจรัฐน.ซ.ว.   กลุ่มบุคคลที่นาย Jabar ไปพบที่สุเหร่าหลายคนเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมแผนการก่อการร้ายที่ถูกหน่วยปฏิบัติการ Operation Appleby จู่โจมเข้าจับกุมเมื่อปีที่ผ่านมานั่นเอง

jingjonews@hotmail.com

จิงโจ้นิวส์เป็นสื่อออนไลน์มีวัตุถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร, บทความและประชาสัมพันธ์เพื่อชุมชน   โดยปลอดโฆษณาในเชิงพาณิชย์ 



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: