4 มิ.ย. 2015 Choice องค์กรอิสระเพื่อผู้บริโภค หรือที่คนไทยในซิดนีย์กลุ่มหนึ่งเรียกว่า “แม่ช้อย” ได้ทำการสำรวจราคาสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐาน 31 ชนิด จากซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่และขนาดกลางประกอบด้วย Coles, Woolworths, Aldi และ IGA จำนวน 93 สาขาทั่วประเทศ ผลปรากฎว่าผู้อยู่ในนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี่ (NT) เป็นผู้ที่จ่ายเงินซื้อสินค้าจำเป็นแพงที่สุด
สำหรับสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานเป็นสินค้าชนิดเดียวกับที่ทำการสำรวจในทุก ๆ ปี เป็นต้นว่าขนมปังแผ่น, เนยแข็ง, ช็อกโกแลต, ปลาทูน่ากระป๋อง, กระดาษชำระ, น้ำผลไม้ (น้ำส้ม), ผงซักฟอก, ถั่ว (ลันเตา) แช่แข็ง และอาหารสด 3 ชนิดเป็นต้น
ผลสำรวจออกมาว่าชาวดินแดน NT เป็นกลุ่มที่ต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าแพงที่สุดในราคาเฉลี่ยตะกร้าละ 170.25 เหรียญ ในขณะที่ชาวออสเตรเลียนแคปิทอลเทร์ริทอรี่ หรือ ACT จ่ายเงินซื้อสินค้าถูกที่สุดในราคาตะกร้าละ 163.60 เหรียญ
ตามด้วยรัฐแทสมาเนีย 166.55 เหรียญ, รัฐนิวเซาท์เวลส์ 166.81 เหรียญ, รัฐวิกตอเรีย 167.01 เหรียญ, รัฐเซาท์ออสเตรเลีย 167.24 เหรียญ, รัฐควีนสแลนด์ 168.53 เหรียญ และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย 169.71 เหรียญ,
แต่เมื่อแยกเป็นผู้ดำเนินกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตในสินค้าที่สั่งผลิตหรือนำเข้าในยี่ห้อเฉพาะขายในห้างของตน พบว่าห้าง Audi ซึ่งขายสินค้าคุณภาพรองลงมาเป็นห้างที่ขายสินค้าถูกที่สุดในราคาตะกร้าละ 87.57 เหรียญ ตามด้วยห้าง Coles ตะกร้าละ 113.75 เหรียญ, ห้าง Woolworths 118.35 เหรียญ โดยห้าง IGA ขายสินค้าแบรนด์ของตนเองแพงที่สุด
ในขณะที่ราคาสินค้าประเภทเดียวกันในแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์อิสระที่วางขายตามซูเปอร์มาเก็ตปรากฎว่าที่ห้าง Coles ในปีนี้ยังคงเฉือนห้าง Woolworths ด้วยราคาตะกร้าละ 174.97 เหรียญต่อ 176.77 เหรียญ (แต่จากภาพข้างล่างให้ข้อมูลราคาที่ต่างกันสินค้าแบรนด์ชั้นนำในห้าง Coles ขายตะกร้าละ 162.56 เหรียญในขณะที่ห้าง Woolworths ตะกร้าละ 172.16 เหรียญ หรือต่างกันเกือบ 10 เหรียญทีเดียว)
นาย Tom Godfrey โฆษกของ Choice กล่าวว่าห้าง Coles และห้าง Woolworths ได้ทำการโฆษณากระหน่ำให้ผู้บริโภคเชื่อว่าได้ลดราคาแบบสุด ๆ แต่ห้าง Aldi ยังคงเป็นห้างที่ขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ทั้งสองมาก
เขาเชื่อว่าห้าง Coles และห้าง Woolworths ซึ่งครองส่วนแบ่งของตลาด 80%* จะปรับราคาสินค้าของตนเข้ามาใกล้กันตามกลไกของตลาด ในขณะที่สินค้าแบรนด์ชั้นนำของทั้งสองห้างในปีนี้มีราคาต่างกันเพียง 1.80 เหรียญเท่านั้น
รายงานการสำรวจราคาสินค้าจำเป็นประจำปีของ Choice ครั้งนี้เกิดขึ้นตามรายงานการวิจัยแห่งชาติถึงความเห็นช่วงระยะเวลาขณะนั้นของผู้บริโภค (National Consumer Pulse Research) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าอาหารและสินค้าชำยังเป็นสิ่งที่ชาวออสเตรเลียมีความกังวลเป็นอันดับหนึ่งในเทอมของค่าครองชีพ
การวิจัยพบว่า ชาวออสเตรเลีย 75% มีความรู้สึกกดดันในขณะลุ้นราคาค่าสินค้าที่ช่องจ่ายเงิน
นาย Godfrey กล่าวว่า การประหยัด, สินค้าราคาถูก และความคุ้มค่าของเงินคือปัจจัยอันดับหนึ่งของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียในปัจจุบัน หรืออาจกล่าวได้ว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตในสไตล์ห้าง Aldi ได้มาถูกทางแล้ว
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ห้าง Woolworths ได้ออกมาแถลงว่ากำลังพิจารณาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเพื่อขายสินค้าคุณภาพรองราคาถูก อย่างเดียวกับห้าง Aldi
หมายเหตุ * ในออสเตรเลียถือเป็นแนวปฏิบัติในทุกรัฐที่ซูเปอร์มาร์มาเก็ตขนาดใหญ่จะครองส่วนแบ่งของตลาดได้ไม่เกิน 80% ทั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องธุรกิจขนาดเล็ก ไม่ให้เกิดปรากฎการณ์ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” โดยเฉพาะธุรกิจร้านค้าที่ประกอบการโดยบุคคลภายในครอบครัว หรือ mom and dad business นั่นหมายถึงหากธุรกิจขนาดใหญ่ต้องการเติบโตก็จำเป็นต้องดึงธุรกิจขนาดเล็กให้โตขึ้นไปพร้อมกันในอัตราเดียวกัน
#จิงโจ้นิวส์จำได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์เคยลงข่าวถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในรัฐน.ซ.ว.ขยายกิจการจนเพลินทำให้ส่วนแบ่งของตลาดขึ้นไปอยู่ระหว่าง 81% ถึง 82% ก็ได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการคุ้มครองผู้บริโภครวมถึง Choice ออกมาชี้ให้เหตุถึงผลกระทบเป็นโดมิโน่ต่อโครงสร้างของธุรกิจระดับรากหญ้าหลายหมื่นหลายแสนราย
#ทั้งนี้เพราะซูเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่เป็นแหล่งขายปลีกของผู้ผลิตรายใหญ่ไม่กี่พันรายและส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า ในขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กเป็นแหล่งค้าปลีกของผู้ผลิตและเกษตรกรรายย่อยจำนวนนับหมื่นนับแสนรายนั่นเอง
jingjonews@hotmail.com
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply