5 เม.ย. 2015 นาย John Rau ร.มต.สำนักงานอัยการของรัฐบาลรัฐเซาท์ออสเตรเลียกำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงระบบการลงโทษผู้กระทำผิดคดีฉ้อฉล ด้วยการยึดทรัพย์และ/หรือให้เป็นบุคคลล้มละลายระยะยาวแทน เพื่อแก้ปัญหาจำนวนห้องขังไม่เพียงพอ โดยพิจารณากักขังเฉพาะผู้กระทำผิดที่เป็นอันตรายต่อชุมชน
นาย Rau กำลังพิจารณาหาทางเลือกให้กับผู้พิพากษาในการกำหนดโทษสำหรับคดีที่ผู้กระทำผิดจะไม่ก่อเหตุร้ายแรงต่อคนในชุมชนด้วยโทษจองจำภายในที่พักอาศัย, การใช้กำไลข้อเท้าติดตั้งระบบติดตาม, การเพิกถอนและพักการกระทำในระยะยาวหรือตลอดชีพ, การยึดทรัพย์ และกำหนดให้เป็นบุคคลล้มละลายระยะยาวเป็นต้น
เขากล่าวว่า บทลงโทษที่เป็นไปได้ประการหนึ่งก็คือการบังคับยึดทรัพย์ทั้งหมดของผู้กระทำผิดคดีฉ้อฉล ยกเว้นที่พักอาศัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ หากเป็นที่พักราคาแพงก็ต้องขายแล้วเปลี่ยนมาเป็นบ้านธรรมดา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เปิดทางเลือกไว้ให้ผู้พิพากษาในการกำหนดบทลงโทษแทนการจำคุกในหลายระดับตั้งแต่รอลงอาญา ไปจนถึงล้มละลาย 10 ปีและห้ามเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าต่อมาพบว่าผู้กระทำผิดพยายามก่อคดีขึ้นมาอีก เขาก็จะถูกจับเข้ากรงขังทันที
รายละเอียดของแผนการดังกล่าวได้บัจจุบันอยู่ในเอกสารเพื่อการปรึกษาหารือของรัฐบาลในชุด Transforming Criminal Justice (การปฏิรูปกระบวนยุติธรรมคดีความอาญา) ที่จะเผยแพร่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และถือเป็นการปฏิรูประบบยุติธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตามนาย Rau ย้ำว่าความปลอดภัยของคนในชุมชนถือเป็นความสำคัญอันดับแรกที่จะต้องพิจารณา เมื่อมองลงไปในทางเลือกบทลงโทษต่าง ๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงพ.ร.บ.การพิพากษาโทษ (the Sentencing Act)
นาย Rau ยอมรับว่า การปฏิรูปกฎหมายจะทำให้รัฐบาลรัฐสามารถลดงบประมาณค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก หากสามารถลดจำนวนนักโทษลงได้ แต่ยืนยันว่าสาเหตุหลักมาจากขีดความสามารถในการรับนักโทษตามเรือนจำภายในรัฐกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ที่จำเป็นต้องแก้ไขตั้งแต่บัดนี้
อย่างไรก็ตามแนวความคิดของรัฐบาลรัฐเซาท์ออสเตรเลียดูค่อนข้างสดใส เมื่อพรรคฝ่ายค้านและพรรคแฟมิลีเฟิร์สต์และคณะกรรมการสิทธิเหยื่ออาชญากรรมต่างออกมาสนับสนุนแนวความคิดดังกล่าว
jingjonews@hotmail.com
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply