
นสพ. the Telegraph ฉบับ 23 ก.พ. 2015 เสนอข่าว Timeline ของนาย Man Haron Monis ตั้งแต่ต้นจนเป็นผู้ก่อการร้าย
23 ก.พ. 2015 หนังสือพิมพ์ the Daily Telegraph ได้สรุป Timeline เส้นทางสู่การเป็นผู้ก่อการร้ายของนาย Man Haron Monis ผู้บุกยึดร้าน Lindt Chocolate Cafe พร้อม 18 ตัวประกันไว้ และข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นเพิ่มเติมออกมาดังนี้
28 ตุลาคม 1996 นาย Monis เดินทางมาถึงออสเตรเลียด้วยวีซ่าธุรกิจ แต่ต่อมาพบว่าเป็นการฉ้อฉล
5 พฤศจิกายน 1996 ASIO (องค์กรความมั่นคงและการข่าวกรองออสเตรเลีย) ได้ขึ้นบัญชีติดตามความเคลื่อนไหวของนาย Monis หลังพบเขามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ
18 พฤศจิกายน 1996 นาย Monis ยื่นขอวีซ่าคุ้มครองจากกระทรวงการเข้าเมือง
พฤศจิกายน 1999 ASIO เริ่มทำการสอบสวนกรณีของนาย Monis
23 สิหาคม 2000 นาย Monis ได้รับวีซ่าคุ้มครอง
13 กุมภาพันธ์ 2001 รัฐบาลกลางเริ่มจ่ายเงินสวัสดิการว่างงานให้กับนาย Monis นับจากนั้นมาจนกระทั่งเขาเสียชีวิต
สิงหาคม 2002 – ธันวาคม 2003 ได้ตั้งตัวเป็นผู้นำจิตวิญญาณและมีมนต์ดำในการรักษาและทำคุณไสย์ เขาถูกกล่าวหาว่าได้ทำการลวนลามทางเพศต่อหญิงสาวที่มาให้เขาทำพิธี แม้มีการร้องเรียนแต่ก็ไม่เคยมีการจับกุมและตั้งข้อหาแต่อย่างใด จนกระทั่งปี 2014
11 ตุลาคม 2002 เขาได้ยื่นเรื่องเพื่อขอสัญชาติออสเตรเลีย
2 กรกฎาคม 2004 ทนายความของนาย Monis กล่าวหากระทรวงการเข้าเมืองว่า พยายามถ่วงเวลาการให้สัญชาติ เนื่องจากนาย Monis นับถือศาสนาอิสลาม
20 ตุลาคม 2004 หลังจากได้แรงสนับสนุนจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนช่วยกดดัน ทำให้นาย Monis ได้สัญชาติออสเตรเลียในที่สุด
กรกฎาคม 2005 นาย Monis บอกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหราชอาณาจักรประจำกรุงแคนเบอร์ร่าว่า เขามีข้อมูลเกี่ยวกับการลอบวางระเบิดรถไฟใต้ดินและรถประจำทางที่กรุงลอนดอน ในเหตุการณ์วันที่ 7 กรกฎาคม 2005 มีผู้เสียชีวิต 56 คน (รวมผู้กระทำระเบิดพลีชีพ 4 คน) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 700 คน
ปี 2007 นาย Monis เขียนจดหมายถึงครอบครัวของทหารออสเตรเลียที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเนื้อหาโจมตีด้วยข้อความหยาบคาย
มีนาคม 2008 ตำรวจสอบสวนกลาง (AFP) ระบุชื่อนาย Monis เป็นบุคคลต้องสงสัยเป็นพิเศษที่เกี่ยวของกับความปลอดภัยของสมเด็จพระสันตะปาปา Benedict XVI ที่จะเสด็จมาเยือนออสเตรเลีย
เมษายน 2008 นาย Monis อ้างว่าได้เขียน “คำตัดสินชี้ขาดตามหลักศาสนาอิสลาม (fatwa)” ลงในเว็ปไซท์ของเขา ระบุว่าผู้นำสหรัฐ, สหราชอาณาจักร และออสเตรเลียเป็น “อาชญากรสงคราม”
เมษายน 2008 ตำรวจสอบสวนกลาง ได้เริ่มสอบสวนกรณีของนาย Monis
พฤษภาคม 2008 นาย Monis ได้โพสต์วีดีโอขณะเขาปรึกษากับสาวกสตรีคนหนึ่ง ถึงความถูกต้องของการโจมตีแบบพลีชีพ
มิถุนายน-กรกฎาคม 2008 นาย Monis จัดให้มีการชุมนุมประท้วงทีวี Seven Network ขึ้นที่ Martine Place
ปลายเดือนกันยายน 2008 นาย Monis แถลงการณ์ในเว็ปไซท์ของเขา สนับสนุนกลุ่มมูจาฮีดีน (ขบวนการแบ่งแยกดินแดน) ในปากีสถาน โดยกล่าวว่า “ผมหวังว่า สักวันหนึ่งผมจะสามารถทำสงครามเพื่อพระเจ้าในระดับสูงอย่างที่พวกท่านได้ทำ”
9 พฤศจิกายน 2008 นาย Monis เขียนหนังสือถึงครอบครัวของผู้กระทำระเบิดพลีชีพในบาหลี สรรเสริญพวกเขาเป็นผู้ยอมสละชีวิตเพื่อศาสนา (martyrs) เขายังให้สัญญาว่า มุสลิมจะทำลายออสเตรเลียในที่สุด
18 พฤศจิกายน 2008 สมเด็จพระราชินีได้ส่งดีวีดีกลับมาให้ทางการออสเตรเลีย เป็นบันทึกภาพสตรีออกมาเตือนในนามของนาย Monis ถึงกลุ่มก่อการร้ายพร้อมคุกคามออสเตรเลีย
5 ธันวาคม 2008 ASIO สรุบผลการสอบสวนว่า นาย Monis ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการรุนแรงที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง
20 ตุลาคม 2009 นาย Monis ถูกจับและตั้งข้อหาเขียนจดหมายด้วยข้อความกร้าวร้าวต่อครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานจำนวน 7 คดี เขาได้รับการประกันตัว
15 พฤศจิกายน 20013 นาย Monis ถูกตั้งข้อหาร่วมกับนาง Amirah Droudis ภรรยาคนปัจจุบัน สังหารอดีตภรรยาด้วยการกระหน่ำแทง แล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาทั้งเป็น
12 ธันวาคม 2013 เขาได้รับการให้ประกันตัวออกมา
10 ตุลาคม 2014 เขาถูกตั้งข้อหาในคดีข่มเหงทางเพศ ในขณะเขาอ้างเป็นผู้วิเศษมีมนต์ดำจำนวน 37 คดี เขาได้รับการให้ประกันตัว
9 ถึง 12 ธันวาคม 2014 ศูนย์รับแจ้งฮอทไลน์ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติได้รับอีเมลและโทรศัพท์จำนวน 18 ครั้ง แสดงความเป็นกังวลต่อข้อความข่มขู่ในเฟสบุ๊คของนาย Monis แต่ ASIO ตัดสินใจว่าไม่เป็นภัยคุกคามอย่างจริงจังและเร่งด่วน ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ต่างก็เห็นชอบด้วย
15 ธันวาคม 2014 นาย Monis ปฎิบัติการก่อการร้ายเดี่ยว ด้วยการบุกเข้ายึด Lindt Chocolate Cafe จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

นสพ. the West Australian ฉบับ 23 ก.พ. 2015 เสนอข่าวความผิดพลาดของ ASIO และ AFP ในกรณีของนาย Man Monis
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply