น.ส. Louisa Hope
23 ม.ค. 2015 ในขณะที่เหยื่อตัวประกันในเหตุการณ์ Lindt Chocolate Cafe ส่วนหนึ่งตักตวงเงินแสนเป็นรายได้เข้ากระเป๋าจากการขายข่าวให้กับสื่อโทรทัศน์ ตามที่จิงโจ้นิวส์เสนอข่าวไปแล้วในวันที่ 21 มกราคมในหัวข้อ ““ป๋าเจฟฟ์” ตำหนิเหยื่อ Lindt Cafe ขายข่าว เป็นพวก “ละโมบที่น่ารังเกียจ”” จนเกิดคำถามถึง “สิทธิทางจริยธรรม” แต่ในทางกลับกันมีเหยื่อตัวประกันอีกจำนวนหนึ่งได้ปฏิเสธเงินก้อนโตจากสื่อทีวี แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนร่ำรวยก็ตาม
สองในจำนวนเหยื่อที่ปฏิเสธเงินแสนก็คือ แม่ลูกตระกูล Hope สองในสี่ตัวประกันกลุ่มสุดท้ายที่รอดชีวิต นาง Louisa Hope วัย 50 ปีผู้เป็นลูกได้ปฏิเสธขอเสนอเงิน 6 หลักจากสถานีทีวี แถมเธอยังปิดบัญชีที่เพื่อน ๆ เปิดรับบริจาคเพื่อเป็นค่าพักฟืนตัวหลังจากการผ่าตัดกระสุนที่เท้า
น.ส. Louisa Hope อดีตผู้บริหารธนาคารเป็นโรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส (multiple sclerosis หรือ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง) ทำให้เธอมีความลำบากในการเคลื่อนไหวตัว จึงถูกนาย Man Haron Monis ผู้ก่อการร้ายใช้เป็นโล่กันกระสุนเนื่องจากเธอไม่สามารถต่อสู้กลับได้
ในขณะที่ตัวประกันอื่น ๆ 12 คนในจำนวน 18 คนต่างหลบหนีเอาตัวรอด เธอไม่สามารถหลบหนีไปกับเขา แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่ไม่ยอมหลบหนีก็คือนาง Robyn Hope มารดาวัย 68 ปีที่ยืนยันว่าจะอยู่และยอมตายพร้อมกับบุตร และเธอเองก็ถูกกระสุนยิงเข้าที่ไหล่
นาย Craig Wallace ประธานบุคคลผู้พิการแห่งออสเตรเลีย (PDA) กล่าวว่า ทั้งสองต้องการที่จะช่วยเหลือตนเองเท่าที่จะทำได้เป็นอันดับแรก พวกเขาได้ปิดบัญชีเงินบริจาคโดยยอมรับน้ำใจจากเพื่อน ๆ เท่าที่ได้โอนเข้ามาแล้วเป็นเงินประมาณ 4,000 เหรียญเท่านั้น และยังปฏิเสธข้อเสนอเงินจากรายการทีวีเพื่อขอลิขสิทธิในการสัมภาษณ์
นาย Wallace กล่าวว่า ภายใต้กฎหมายสิทธิและความช่วยเหลือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทั้งสองมีสิทธิได้รับเงินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนละ 1,500 เหรียญและเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 30,000 เหรียญ หากไม่เพียงพอก็ต้องเข้าสู่ระบบอื่น
การแข่งขันระหว่างสถานีโทรทัศน์ได้เปิดช่องให้เหยื่อตัวประกัน Lindt Cafe สามารถทำเงินจากการขายลิขสิทธิการให้สัมภาษณ์ โดยทีวี 7 ทำสัญญากับนาง Marcia Mikhael เจ้าหน้าที่ระดับบริหารของธนาคาร Westpac หนึ่งในสี่ตัวประกันที่รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายด้วยเงิน 300,000 เหรียญ และนาย John O’Brien เหยื่อหลบหนีออกมากลุ่มแรกในมูลค่า 100,000 เหรียญ
ส่วนทีวี 9 ยอมรับว่าได้จ่ายเงินจำนวนทั้งสิ้น 1 ล้านเหรียญ ในการขอซื้อลิขสิทธิสัมภาษณ์พนักงาน Lintd Cafe ที่เป็นเหยือตัวประกัน 4 คนประกอบด้วยน.ส. Fiona Ma, นาง Harriette Denny, นาย Joel Herat และนาย Jarrod Morton Hoffman
ยังมีเหยื่อตัวประกัน 1 ใน 4 คนสุดท้ายที่รอดชีวิตอีกคนหนึ่งคือ นาง Selina Win Pe เจ้าหน้าที่ธนาคาร Westpac ซึ่งเธอเก็บตัวมาตลอดหลังจากเกิดเหตุการณ์ เป็นที่เชื่อว่าหากเธอขายลิขสิทธิการสัมภาษณ์ในช่วงเหตุการณ์ยังอยู่ในความสนใจของประชาชน เธอน่าจะมีค่าตัวสูงกว่า 300,000 เหรียญ เพราะเธอเป็นหนึ่งในสองเหยื่อที่ถูกนาย Monis บังคับให้ถ่ายคลิปวีดีโอพูดตามคำบอกกล่าวแล้วโพสต์ไปทั่วโลก ผู้ถูกบังคับให้ถ่ายคลิปอีกคนหนึ่งคือนาง Kratina Dawson ได้ถูกยิงเสียชีวิต
การขายข่าวของเหยื่อตัวประกันได้ถูกนาย Jeff Kennett อดีตนายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรียออกมาโจมตีในเรื่องของสิทธิทางจริยธรรม และกล่าวหาว่าเป็นความละโมบที่น่ารังเกียจ รวมถึงตำหนิความบิดเบือนข้อมูลของผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละรายที่อาจเกิดขึ้น
ทางด้านนาย John Abbernathy อดีตเจ้าพนักงานโคโรเนอร์ (เจ้าพนักงานพิจารณาการเสียชีวิตอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ) เห็นว่าเทปการสัมภาษณ์ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ออกอากาศ เพราะมันมีผลกระทบต่อการสอบสวนและผลของการสอบสวนของสำนักงานโคโรเนอร์เป็นอย่างมาก
ในขณะที่ดร. Simon Longstaff ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์จริยธรรม (TEC) กล่าวว่า การเสนอสินจ้างและการรับสินจ้างเพื่อการผลิตข่าว เต็มไปด้วยคำถามด้านศีลธรรมและจริยธรรม และเห็นว่าจำนวนสินจ้างที่เสนอให้แต่ละคนไม่ต่างจากการเล่นล็อตเตอรี่
หลังจากถูกสื่อถามถึงความชอบธรรมนาง Mikhael ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เธอจะบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของนาย Tori Johnson และนาง Kratina Dawson เหยื่อผู้เสียชีวิต
4 ก.พ. 2015 อย่างไรก็ตามจากข้อมูลล่าสุด ทีวี 9 ออกมาเปิดเผยว่า รายการ 60 Minutes จะทำการออกอากาศการสัมภาษณ์เหยื่อตัวประกันจำนวนทั้งสิน 8 คน สามคนในจำนวนนั้นมีสองแม่ลูกตระกูล Hope และนาง Win Pe รวมอยู่ด้วย
นาง Louisa Hope ถูกยิงที่เท้าขณะนำส่งโรงพยาบาล
นาง Selina Win Pe ขณะถูกบังคับให้พูดถ่ายคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลก
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply