24 ธ.ค. 2014 นาย John Robertson หัวหน้าพรรคเลเบอร์และผู้นำพรรคฝ่ายค้านรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค หลังจากหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 23 ธันวาคมตีแผ่ว่า เขาได้เขียนจดหมายให้ความช่วยเหลือนาย Man Haron Monis ผู้ก่อเหตุสังหารตัวประกัน Lindt Chocolate Cafe ที่ Martin Place
ทั้งนี้นาย Robertson ได้ยอมรับว่าเขาได้ช่วยเหลือลงนามในจดหมายให้กับนาย Monis มือปืนในเหตุการณ์บุกยึด Lindt Cafe ถึงกระทรวงบริการครอบครัวและชุมชนอนุญาตให้นาย Monis ได้พบบุตรที่เหินห่างของเขา ในขณะที่เขาโดนคำสั่งห้ามกระทำการใด ๆ ที่สงสัยว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว หรือ AVO
ข่าวนี้อาจจะถือว่า เป็นข่าวดีสำหรับคนในพรรคเลเบอร์ที่ต้องการกำจัดเขาออกไปจากการเป็นหัวหน้าพรรค หลังจากผลงานของเขาย่ำแย่ จนทำให้คะแนนนิยมพรรคเลเบอร์รัฐน.ซ.ว.ถึงจุดตกต่ำ ในขณะที่การเลือกตั้งกำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า
เสียงโจมตีจากฝ่ายต่อต้านภายในพรรคเลเบอร์ที่ออกมาในระยะแรกกล่าวว่า “ขณะนี้ผู้นำของเรา (ที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง) ในเดือนมีนาคม คือผู้ที่ล้มนาย Morris Iemma (อดีตนายกรัฐมนตรีรัฐน.ซ.ว.) จากข้ออ้างที่ว่าเขาจะเปลี่ยนโรงไฟฟ้าเป็นกิจการเอกชน, แต่เขาเองกลับลงนามสนับสนุนการขายกิจการไฟฟ้า, (ผู้ซึ่งเคย) ถูกเสนอสินบน 3 ล้านเหรียญแต่เก็บเงียบไม่รายงานตำรวจ, และ (ผู้เคย) เขียนจดหมายสนับสนุนผู้ก่อการร้ายคนแรกของออสเตรเลีย…..”
ในปี 2008 นาย Robertson เป็นตัวจักรของนาย Eddie Obeid และนาย Joe Tripoli เจ้าของฉายา “โจ คนอ้วนและเอ็ดดี้ คนผอม” ผู้มีอิทธิพลภายในพรรคในขณะนั้น ในการคว่ำนาย Morrid Iemma ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรัฐน.ซ.ว. (ปัจจุบันนาย Obeid และนาย Tripoli โดนคดีคอร์รัปชั่นและถูกเพิกถอนเครื่องราชอิสริยาภรณ์)
ในเดือนเมษายนปี 2012 เขาเขียนจดหมายถึงนาย Duncan Gay ร.มต.การทางหลวง ขอให้ช่วยลดโทษการยึดใบขับขี่แก่นาย Ewing Filpo สมาชิกแก๊งไบกี้นอกกฎหมาย
ในเดือนตุลาคม 2013 นาย Robertson ยอมรับว่า เขาปิดบังความลับโดยไม่รายงานให้ตำรวจทราบ เมื่อนาย Michael McGurk เสนอสินบนจำนวน 3 ล้านเหรียญ แต่เขาปฏิเสธ ในขณะที่เขาเป็นเลขาธิการสหภาพแรงงานรัฐน.ซ.ว. (นาย McGurk ถูกนักธุรกิจคู่อริจ้างวานฆ่าในเดือนกันยายน 2009 ด้วยกระสุนปืนนัดเดียวยิงเจาะกะโหลกศีรษะ ที่หน้าบ้านย่าน Cremorne ในซิดนีย์)
อย่างไรก็ตามหากเป็นนักการเมืองธรรมดา มีข้อครหาข้อใดข้อหนึ่งก็หมดอนาคตทางการเมืองไปแล้ว แต่นาย Robertson มีแบ๊คอัพทางการเมืองดีทำให้เขาสามารถรักษาความเป็นหัวหน้าพรรคไว้ได้ แต่ก็ถูกประชาชนลงโทษจนคะแนนนิยมส่วนตัวของเขาลดลงมาอยู่ที่ 18% ในขณะที่นาย Mike Baird ผู้นำรัฐบาลมีคะแนนนิยม 49%
แต่กรณีให้ความช่วยเหลือนาย Monis ถูกเปิดเผยออกมาในขณะที่กระแสสังคมยังสะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่ถูกมองว่าเป็นการก่อการร้าย ต่อให้เขามีผู้สับสนุน ก็เอาไม่อยู่ นาย Robertson จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลาออกจากหัวหน้าพรรคเลเบอร์
การลาออกของเขาถือเป็นข่าวร้ายของนาย Baird และพรรคผสมลิเบอรัล-เนชั่นแนล ที่ดูจะนอนมาในการเลือกตั้งอีกสามเดือนข้างหน้า อาจจะเผชิญกับศึกหนักถึงพ่ายแพ้เลือกตั้งทีเดียว
สำหรับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเลเบอร์คนใหม่ ที่ประกาศตัวลงชิงชัยแล้วคือส.ส. Michael Daley แต่เขาอาจจะวืดตำแหน่งหัวหน้าพรรคหากส.ว. Luke Foley ผู้นำสภาสูงแจ้งความประสงค์ชิงชัยด้วย
.
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply