เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสกัด ด.ญ.ก่อนถูกนำไปเป็นเจ้าสาว ISIS

สองสาววัยรุ่นชาวออสเตรเลียที่เดินทางไปเป็นเจ้าสาวนักรบเพื่อพระเจ้าในซีเรีย

สองสาววัยรุ่นชาวออสเตรเลียที่เดินทางไปเป็นเจ้าสาวนักรบเพื่อพระเจ้าในซีเรีย

28 ก.ย. 2014 เด็กหญิงวัย 14 ปีถูกช่วยเหลือจากการจับไปแต่งงานกับชายที่สูงอายุกว่าในเลบานอนได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถสกัดเธอและลุงของเธอได้ขณะจะเดินทางออกจากสนามบินซิดนีย์

เจ้าหน้าที่ทำการสกัดทั้งสองได้ในเวลาตอนบ่ายของวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากหน่วยสืบสวนร่วมระหว่างตำรวจสันติบาลกลางและตำรวจรัฐน.ซ.ว.พบว่าด.ญ. MK (นามสมมุติ) จะถูกนำไปแต่งงานในประเทศเลบานอน

โฆษกหญิงด้านการศุลกากรและการปกต้องเขตแดนของนาย Scott Morrison ร.มว.การเข้าเมืองกล่าวในวันที่ 29 กันยายนว่า หลังจากทำการสอบปากคำทั้งสองแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไป แต่ไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ

เป็นที่เข้าใจว่าด.ญ. MK เป็นที่รู้จัดดีในกลุ่มหน่วยสืบสวนร่วม ซึ่งได้ขึ้นชื่อเธออยู่ในบัญชีกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกนำออกไปแต่งงานในต่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้รับการแจ้งเตือนถึงกลุ่มก่อการร้ายทำการรณรงค์เพื่อล่อลวงหญิงสาววัยรุ่นเดินทางไปแต่งงานและมีลูกให้กับกลุ่มนักรบเพื่อพระเจ้า โดยขณะนี้มีเด็กสาวชาวออสเตรเลียหลบหนีไปเป็นเจ้าสาวให้สมาชิกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงแล้วไม่ต่ำกว่าสิบราย ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กหญิงนับถือศาสนาคริสต์ 1 คน

และรวมถึงน.ส. Sabina Selimovic วัย 15 ปีและน.ส. Samra Kesinovic วัย 16 ปี ผู้ได้รับการเปิดเผยว่าพวกเธอได้ตั้งครรภ์ แต่ในเวลาต่อมามีรายงานข่าว Sabina ได้เสียชีวิตในระหว่างการสู้รบ

นาง Amira Karroum    สตรีชาวออสเตรเลียที่เดินทางไปร่วมกับกลุ่ม ISIS รบในซีเรียและถูกยิงเสียชีวิตพร้อมสามีเชื้อสายออสเตรเลีย-อเมริกัน เป็นบุคคลหนึ่งที่เคยทำการรณรงค์ชักชวนหญิงสาวชาวออสเตรเลียให้หลบออกจากประเทศไปเป็นเจ้าสาวให้กับสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ในขณะเธอและสามีอยู่ในออสเตรเลีย

ดร. Eman Sharobeem จากสำนักงานบริการสุขภาพสตรีผู้อพยพ (IWHS) ได้กล่าวเตือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ISIS หรือ IS หรือ ISL) ได้เผยแพร่ข่าวเรียกร้องให้หญิงสาววัยรุ่นชาวออสเตรเลียเดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อเป็นเจ้าสาวของนักรบเพื่อพระเจ้า เธอเชื่อว่ามีเด็กหญิงส่วนหนึ่งถูกบังคับให้เดินทางไปเป็นเจ้าสาวโดยพวกเธอไม่ได้สมัครใจ

องค์กรหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการเข้าแก้ปัญหาเด็กหญิงถูกส่งไปแต่งงานกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงคือหน่วยงานความร่วมมือระหว่างกระทรวงครอบครัวและบริการชุมชน (FACS) กับสำนักงานตำรวจ

โฆษกหญิงของ FACS กล่าวว่าข้อมูลสำคัญของ FACS ก็คือการได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้อยู่ในชุมชนถึงเด็กที่อยู่ในความเสี่ยง (ขออนุญาตเสริมข้อมูลสำหรับผู้อ่านนอกประเทศออสเตรเลีย คนออสเตรเลียค่อนข้างแปลกดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของเพื่อนบ้าน     แต่ถ้าพบการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลของเพื่อนบ้านเกิดขึ้น พวกเขาจะไม่นิ่งเฉยที่จะให้ข้อมูลแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ)

ในกรณีของด.ญ. MK โฆษกของ FACS ได้ออกมาปฏิเสธการให้รายละเอียดของเธอว่า กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจกระทรวงบริการชุมชนในการให้ความเห็นถึงการปกป้องเด็กในรายละเอียดเป็นรายบุคคล

 

นาง Rania  Farrah ถูกบิดาลักพาไปแต่งงานกับญาติที่ซีเรียในขณะอายุ 13 ปี

นาง Rania Farrah ถูกบิดาลักพาไปแต่งงานกับญาติที่ซีเรียในขณะอายุ 13 ปี

ในช่วงเวลาเดียวกันรายการ 60 Minutes ทางทีวี 9 ได้เสนอเรื่องราวของนาง Rania Farrah หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งถูกบิดาชาวซีเรียของเธอเองลักพาตัวไปและบังคับให้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องที่มีอายุ 28 ปีในประเทศซีเรียในขณะที่เธออายุ 13 ปี

เธอเล่าว่า Margaret มารดาชาวออสเตรเลียของเธอพบกับพ่อของเธอในออสเตรเลีย จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ซาอุดิอารเบีย แต่ชีวิตในต่างแดนไม่เป็นอย่างที่คิด มารดาของเธอถูกบิดาทุบตีแทบทุกวัน จนเมื่อ Rania อายุได้ 8 ขวบมารดาจึงพาเธอและลูก ๆ อีก 5 คนหลบหนีกลับมาออสเตรเลีย

พอเธออายุ 13 ปีผู้เป็นบิดาได้มาลักพาตัวเธอออกจากประเทศ บังคับให้แต่งงานกับญาติที่อายุมากกว่าเธอถึง 15 ปี

 

หมายเหตุ เพื่อป้องกันหัวข้อข่าวของจิ้งโจ้นิวส์ถูกลบออกจากระบบการ search ของ google ท่านที่ต้องการติดตามข่าวจิงโจ้นิวส์ ขอให้จด jingjonews.com เอาไว้ จะไม่พลาดในการเข้าอ่านข่าวและบทความของเรา   ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ และสามารถให้ความเห็นได้ที่ jingjonews@hotmail.com

 



Categories: ข่าวออสเตรเลีย

Tags: , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: