17 ก.ค. 2014 ชาวเมืองในรัฐวิกตอเรียจำนวนหนึ่งได้ถูกจดหมายเชิญเพื่อกลับเข้าทำการตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสร้ายแรง หลังจากพบว่าเจ้าหน้าที่บริการด้านสาธารณสุขคนหนึ่งได้ติดเชื้อเอชไอวี แต่ย้ำว่าเจ้าหน้าที่ติดเชื้อรายนี้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคร้ายไปยังผู้อื่น โดยรัฐบาลได้ขอปิดชื่อเจ้าหน้าที่, ชื่อโรงพยาบาลหรือคลีนิค และชื่อเมืองที่เขาทำงาน เพียงแต่บอกว่าเป็นเมืองอยู่ทางตะวันออกของรัฐวิกตอเรีย
พญ. Rosemary Lester ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีจดหมายถึงประชาชนจำนวน 399 คนที่อยู่ในเมืองดังกล่าว เพื่อมาทำการตรวจสอบการติดเชื้อ
นาย David Davis ร.มต.สาธารณสุขของรัฐวิกตอเรียกล่าวเมื่อคืนวานนี้ (16 กรกฎาคม) ว่า เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขผู้นี้ได้แจ้งให้กระทรวงทราบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับจดหมายทยอยเข้ารับการตรวจการติดเชื้อแล้ว
นาย Denis Naphine นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย ได้ปกป้องขั้นตอนการแจ้งให้คนไข้ทราบ และอาจจะมีคำถามถึงช่วงของเวลาทิ้งห่างถึงหกเดือน ทั้งนี้เพราะกระทรวงต้องการทราบถึงช่วงเวลาและสถานะที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นติดเชื้อ HIV ที่แท้จริง และกระบวนการติดต่อคนไข้ที่อยู่ในกลุ่มช่วงเวลาเสี่ยงอย่างแท้จริงและมีความเหมาะสม
หนึ่งในคนไข้ที่ได้รับหนังสือแจ้งที่บอกเพียงว่าชื่อ Danial กล่าวว่า เขารู้สึกไม่พอใจ ที่กระทรวงไม่ยอมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้นั้นเป็นใคร ทั้งที่เขาสอบถามมาหลายหนแล้ว
อย่างไรก็ตามเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายนั้นเป็นทันตแพทย์
ทางด้านพญ. Lester กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ติดเชื้อถูกจัดว่าไม่มีความเสี่ยงต่อคนไข้ ขนะนี้มีคนไข้เข้าเข้าตรวจเชื้อและทราบผลแล้ว 84 คน ทุกคนผลตรวจออกมาเป็นเนกาทีฟทั้งสิ้น
จากนั้นไม่นานแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ก็สามารถตอบสนองผู้อยากรู้ได้ว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ติดเชื้อผู้นั้นเป็นทันตแพทย์อยู่ในเมือง Gippsland
ทางด้านสำนักงานควบคุมกฎระเบียบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแห่งออสเตรเลีย (AHPRA) กล่าวว่าในกรณีที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติแห่งชาติที่กำหนดไว้ ในขณะที่คณะกรรมการทันตสภาแห่งออสเตรเลีย (DBA) พบว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้นี้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ในการประกอบวิชาชีพ ซึ่ง AHPRA พอใจต่อการทำหน้าที่ของทุกฝ่าย โดยขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกินไปกว่านี้
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply