4 ก.ค. 2014 สตรีขี้โมโหวัย 55 ปีนำอารมณ์หงุดหงิดขึ้นรถไฟสายนิวคาสเซิลด้วยการระบายใส่กลุ่มเด็กผู้โดยสารรถไฟ ก่อนไปด่าเช็ดหญิงสาวชาวเอเชีย แล้วหันไปเล่นงานชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอว่าหาผู้หญิงอื่นไม่ได้แล้วหรือ จึงไปคว้าเอาคนเอเชียมาเป็นแฟน งานนี้เธอไม่สามารถด่าใครเล่นฟรี ๆ เธอเจอข้อหาหนักในข้อหาประทุษร้ายเด็กเล็กโดยทางวาจา, หมิ่นประมาท และที่หนักที่สุดคือความผิดในข้อหาเลือกที่รักมักที่ชังทางด้านเชื้อชาติ
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันพุธที่ 2 กรกฎาคม เมื่อกระบวนรถไฟสายนิวคาสเซิลออกจากสถานี Central ที่ซึ่งนาง Jade Marr นำบุตรของเธอและหลานชายกลุ่มหนึ่งอายุระหว่าง 4 ถึง 10 ปีซึ่งเสร็จสิ้นจากการดูละครเวที the Lion King ในซิดนีย์ โดยสารกลับบ้านที่นิวคาสเซิล
เมื่อถึงสถานี Strathfield ในเวลาประมาณ 16.00 น.นาง Sue Wilkins ได้เข้ามาในตู้โดยสารที่มีผู้โดยสารเริ่มยืนบางแล้วด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ และได้เกิดสิ่งที่นาง Marr คาดไม่ถึงและตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อนาง Wilkins ใช้ถ้อยคำหยาบคายออกคำสั่งให้บุตรและหลานของเธอลุกออกจากที่นั่ง เพื่อให้เธอนั่ง (ขออนุญาตเสริมสำหรับท่านผู้อ่านในประเทศไทยได้เข้าใจถึงสิ่งที่ถือปฏิบัติในออสเตรเลีย ในอดีตเวลาโดยสารระบบขนส่งสาธารณะเด็กจะต้องยืนให้ผู้ใหญ่นั่ง เพราะเด็กไม่เสียค่าโดยสาร แต่ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงประเพณีนี้ไปจากเดิมบ้างแล้ว เพราะเด็กไม่ได้ขึ้นรถฟรีไปเสียทุกคน)
เมื่อเด็กถูกบอกให้ลุกขึ้นด้วยวาจาข่มขู่เชิงไม่สุภาพ ผู้โดยสารคนอื่นได้ลุกขึ้น เพื่อให้เธอนั่งและขอให้หยุดพูดคำหยาบคาย แต่นาง Wilkins ไม่ยอมนั่ง เธอยังตั้งหน้าตั้งตาด่าต่อไป ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานผู้โดยสารสตรีชาวเอเชียคนหนึ่ง โดยเรียกเธอว่า “gook” (เป็นคำแสลงเหยียดชาวเอเชีย โดยเฉพาะผู้หญิงจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในความหมาย “โสเภณีชั้นต่ำ”) ก่อนที่จะหันไปเล่นงานผู้โดยสารชายที่นั่งข้างสตรีชาวเอเชีย โดยที่ทั้งสองไม่รู้จักกัน
นาง Wilkins พูดขึ้นว่า “แล้วไอ้เจิร์กน้อยคนนี้เป็นใครกันละ? เขาจึงมีปัญญาหาได้เพียงอี gook, นายคนนี้ไม่สามารถหาผู้หญิงธรรมดาได้แล้วหรือ มันน่าสมเพชสิ้นดี” (เธอใช้คำว่า jerkoff ซึ่งมีหลายความหมาย แต่เมื่อคำนึงถึงอารมณ์ที่เธอพูดออกมา น่าจะหมายถึงชายหนุ่มที่หาผู้หญิงไม่ได้จนต้องอาศัยมือและนิ้วทั้งห้า)
“หรือว่า…มันเล็กจริง ๆ ทำให้แกไม่สามารถหาผู้หญิงออสซี่ได้ โอ้..ชายผู้น่าสงสาร มาดูผู้ชายโลโซ (bogan) คนนี้สิ เขาได้อี gook (เป็นแฟน) หรือบางที่เธอคิดว่าเขารวยกระมัง”
คำพูดของนาง Wilkins ได้ถูกผู้โดยสารใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายแล้วนำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ และขยายกลายเป็นข่าวใหญ่ จนก่อเกิดการออกมาวิจารณ์จากบุคคลในทุกสาขาอาชีพ
นาย Zachary Harrison วัย 18 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารที่ลุกให้นาง Wilkins นั่ง เพื่อหวังให้สถานการณ์ตึงเครียดลดลง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จกล่าวว่า เขาแทบไม่เชื่อว่า ยังคงมีคนที่มีความคิดเช่นนี้อย่างเหนียวแน่น และพูดออกมาในที่สาธารณะอย่างรุนแรงและเปิดเผย
นาย Howard Collins ผู้อำนวยการบริหารของการรถไฟซิดนีย์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ข่มเหงทางจิตใจที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
นาย Max Mitchell ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจรัฐน.ซ.ว.กล่าวว่า พฤติการของนาง Wilkins ถือว่ายอมรับไม่ได้ทุกประการ และตำรวจจะไม่ปล่อยให้บุคคลใดแสดงพฤติกรรมสุดถ่อยเช่นนี้ในระบบขนส่งสาธารณะโดยไม่ถูกดำเนินคดี
เมื่อรถไฟไปถึงสถานี Wyong ตำรวจจำนวนหนึ่งได้เข้าไปในตู้รถไฟ แล้วนำตัวนาง Wilkins ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ Wyong ก่อนที่จะตั้งข้อหาใช้วาจาข่มเหงผู้เยาว์, หมิ่นประมาท และความผิดเลือกที่รักมักที่ชังทางเชื้อชาติ ก่อนให้ประกันตัวและออกหมายให้มาขึ้นศาลท้องถิ่นกลาง Downing Centre เพื่อการรับฟ้องคดีในวันที่ 31 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตามต่อมาตำรวจพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ให้ชื่อและนามสกุลปลอม โดยชื่อที่แท้จริงของเธอคือนาง Karen Bailey
เมื่อรู้ตัวว่า เธอได้ทำผิดอาญาร้ายแรงที่เสี่ยงต่อการติดคุกติดตาราง นาง Wilkins หรือนาง Bailey จึงอ้างว่า พฤติกรรมของเธอที่ทำไปเป็นผลมาจากแรงกดดันที่เธอเคยถูกผู้ชายผิวดำชาวดัชรายหนึ่งที่นัดพบใน RSVP (ชื่อบริษัทนัดพบเลือกคู่ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย) หลอกเอาเงินไป 100,000 เหรียญ
และในวันนั้นเธอเพิ่งกลับจากไปเยี่ยมสามีที่สถานดูแลคนชรา เธอเกิดมีปัญหากับนางพยาบาลเชื้อสายเอเชีย ทำให้วเธออารมณ์เสีย และเธอพร้อมที่จะกล่าวขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเธอ
ดร. Tim Soutphommasane คณะกรรมการการเลือกที่รักมักที่ชังทางเชื้อชาติ (RDC) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย (AGRC), อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการผู้มีเชื้อสายลาวกล่าวถึงพฤติกรรมของนาง Wilkin หรือนาง Bailey ว่า ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ต่อการข่มเหงทางเชื้อชาติ ผู้ใดที่กระทำลงไปสมควรได้รับการดำเนินคดีและรับโทษตามกฎหมาย
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply