
นสพ. the SMH ฉบับ 29 มิ.ย. 14 หน้าหนึ่งครึ่งล่างเสนอข่าวนาย Abdullah Elmir วัย 17 ปีหนีแม่ไปรบที่ตะวันออกกลาง
29 มิ.ย. 2014 วัยรุ่นจากซิดนีย์ตะวันตกสองคนได้เดินทางไปตะวันออกกลาง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบิดามารดา และเชื่อว่าพวกเขากำลังเดินทางไปยังซีเรียหรืออิรักเพื่อไปร่วมกองกำลังก่อการร้ายต่อสู้กับรัฐบาลในสองประเทศนี้
หนึ่งในวัยรุ่นรายนี้คือนาย Abdullah Elmir ผู้ซึ่งมีอายุ 17 ปีในเดือนนี้ ได้บอกกับมารดาว่าจะไปตกปลา แต่ได้หายออกจากบ้านในย่าน Bankstown ไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ผู้เป็นมารดาและบิดาจึงทราบว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศ หลังจากได้รับข้อความเท็กซ์ที่ Abdullah ส่งไปให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นให้ช่วยบอกมารดาว่าเขาขอ “ลาก่อน” และต่อมาได้รับข่าวเพิ่มเติมว่าบุตรชายได้เดินทางออกนอกประเทศมุ่งสู่ตะวันออกกลางไปพร้อมกับวัยรุ่นวัย 16 ปีชื่อ Feiz ที่ทั้งสองไม่รู้จักมาก่อน
สมาชิกครอบครัวของ Abdullah รู้สึกช็อค, สบสนและต้องการบุตรของพวกเขากลับบ้าน มารดาของ Abdullah เชื่อว่าลูกชายของเขาถูกล้างสมอง และอยากรู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนและจ่ายเงินให้ลูกชายของเขาไปตะวันออกกลาง
เจ้าหน้าที่จากองค์กรความมั่นคงและข่าวกรองแห่งออสเตรเลีย (ASIO) และตำรวจสันติบาลกลางได้เข้าสอบสวนหาผู้อยู่เบื้องหลังในการส่งวัยรุ่นไปต่างประเทศ รวมถึงพวกเขาทำอย่างไรถึงสามารถชักจูงให้วัยรุ่นยอมสละชีวิตเพื่อไปร่วมทำสงครามญิฮาด (Jihad) ในตะวันออกกลางได้
คนในครอบครัวและเพื่อน ๆ ของ Abdullah ตอบเหมือนกันว่า เขาเป็นนักเรียนเพิ่งจบชั้น 10 เป็นคนฉลาด ชอบเล่นเกมส์เอ็กซ์บ็อกซ์, เล่นกับแมวที่บ้าน, และมักติดอยู่กับพี่น้องของเขา ผู้เป็นมารดากล่าวว่าบุตรชายของเขามีความฝันในวิชาอาชีพ ในขณะที่ตนและสามีก็พร้อมจะสนับสนุนให้เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยดังที่เขาหวัง เขาไม่เคยมีวีแววใด ๆ ที่เป็นคนหัวรุนแรงและไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะไปตะวันออกกลาง
เป็นที่เข้าใจว่า Abdullah และ Feiz ได้ออกเดินทางจากซิดนีย์ไปยังเพิร์ท แล้วต่อไปมาเลเซีย, ประเทศไทย และในที่สุดก็ไปถึงตุรกี ที่ซึ่งเขาติดต่อกลับมายังครอบครัว และบอกว่าเขาจะข้ามชายแดนและกล่าวขออำลาญาติพี่น้อง ซึ่งครอบครัวเชื่อว่าเขาน่าจะไปที่อีรักมากกว่าซีเรีย
มารดาของ Abdullah ได้รีบติดต่อกระทรวงต่างประเทศขอทำเรื่องรีบด่วนบินไปตุรกี เพื่อหวังเกลี่ยกล่อมให้บุตรชายเปลี่ยนใจกลับบ้าน แต่ก็สายไปเพราะบุตรชาของเขาได้ออกจากตุรกีไปแล้ว
เป็นที่เข้าใจว่ามีชาวออสเตรเลียอย่างน้อย 10 คนได้เสียชีวิตจากการร่วมรบในซีเรียและอีรัก โดยผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายคือนาย Zakaria Raad วัย 22 ปีซึ่งไปร่วมรบกับกองกำลังรัฐอิสลามแห่งอิรักและกลุ่มประเทศทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หรือ ISIL โดยเขาเสียชีวิตในประเทศซีเรีย
ทนายความของครอบครัว Elmir ได้ตำหนิกระทรวงสำนักงานอัยการที่ไม่สามารถสะกัด Abdullah จากการออกนอกประเทศ และขอให้ช่วยหาทางนำเขากลับมาสู่ครอบครัวในออสเตรเลีย
ทางด้านโฆษกของกระทรวงสำนักงานอัยการกล่าวว่า กระทรวงไม่สามารถให้ความเห็นในระดับปัจเจกบุคคลเป็นรายตัว และกล่าวว่าออสเตรเลียไม่มีสถานทูตหรือสถานกงสุลในซีเรีย ความช่วยเหลือใด ๆ ต่อชาวออสเตรเลียในประเทศนี้จึงมีความจำกัด และกล่าวว่าหากต้องการติดต่อใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวขอให้ติดต่อไปยังกระทรวงต่างประเทศและตำรวจสันติบาลที่มีหน้าที่โดยตรง
นับจากเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ตำรวจสันติบาลกลางและกระทรวงต่างประเทศได้สะกัดวัยรุ่น หรือสมาชิกของครอบครัวที่ไปร่วมรบในตะวันออกกลางไม่ให้ออกนอกประเทศเป็นจำนวนหลายร้อยคน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสะกัดกั้นวัยรุ่นทุกคนไม่ให้ออกนอกประเทศ และหลายคนได้หาทางซิกแซกเช่นซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับโดยแสร้งทำเป็นเดินทางไปประเทศที่ปลอดภัยและเป็นแหล่งท่องเที่ยว เมื่อไปถึงที่นั่นก็เปลี่ยนตั๋วไปยังตะวันออกกลาง
Abdullah ถือเป็นวัยรุ่นรายที่สามที่เดินทางไปซีเรียโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากบิดามารดา ก่อนหน้านี้มีวัยรุ่นวัย 17 ปีเป็นหนึ่งในอีกสองคนที่บอกกับมารดาว่าจะไปทำงาน ผู้เป็นมารดาถึงกับเป็นลมใส่ เมื่อทราบว่าเขาไปถึงซีเรียเรียบร้อยแล้ว
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply