อยู่อย่างออสซี่ – ออสเตรเลียนแชร์

Screen Shot 2014-06-12 at 2.14.28 AM

ตามใจฉัน “เดอะแลนด์ลอร์ด” ตอน ๑๕ / ตอนอยู่อย่างออสเตรเลีย ตอน ๒ เป็นตอนที่ ๖๐๘ ของไม้ซีกขีด เขึยนลงในหนังสือพิมพ์ไทยออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘ วันที่ ๕ ถึง ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ จิงโจ้นิวส์ขอคัดลอกนำมาลง โดยแยกออกเป็นสองส่วน   ส่วนแรกมีดังนี้ครับ

เรื่องราวตามใจฉันที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘

เรื่องราวตามใจฉันที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ฉบับนี้ผมตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเขียน   แต่ต้องกลับมาเขียน “อยู่อย่างออสซี่” เป็นตอนที่สองติดต่อกัน เพราะนาน ๆ จะมีผู้แนะนำแปลกหน้าเข้ามาสักครั้ง   เลยดีใจเป็นพิเศษ   ด้วยการแนะนำว่าไม่ควรเขียนอะไรยาวเป็นพืด ผสมปนเปกันจนน่าเวียนหัว   ควรมีหัวข้อย่อย   เพราะยุคนี้เวลาทุกนาทีมีค่า ต่อการทำงานและพักผ่อน   จะเลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่ต้องการอ่านเท่านั้น  ผมจึงสนองรับคำแนะนำนี้ครับ และขอประเดิมด้วย

ออสเตรเลียนแชร์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคมที่ผ่านมา ผมตั้งใจจะไปดูหนัง “พี่มากพระโขนง” ที่โรงหนังอีเวนท์ ถนนจอร์จ   เพราะไม่ได้ดูหนังโรงมานานแล้ว และอยากอุดหนุนหนังไทย   จำได้ว่าเคยดูหนังโรงในออสเตรเลียครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งที่ตรงนั้นยังเป็นโรงหนังฮอยท์ (Hoyts) และโรงหนังวิลเลจ (Village) ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงหนังเดนดี (Dendy) โรงหนังนี้ปิดในปลายปี ๒๐๐๘   (พ.ศ. ๒๕๕๑)

การจะเข้าไปดูคนเดียวมันก็กระไรอยู่   ผมจึงชวนหลานชายคนโตไปดูเป็นเพื่อน เขาก็อยากไปดู แต่จัดเวลาว่างตรงกันไม่ได้   จึงต้องชวนคนอื่นไปดู แต่ก็ไม่มีใครว่าง ทั้งที่ผมออกค่าตั๋วดูหนังให้ แถมเลี้ยงอาหารค่ำอีกหนึ่งมื้อ เมื่อไม่มีใครไปดูด้วย ผมเลยอดดูพี่มากพระโขนง   ตอนนี้จึงต้องรอซื้อดีวีดีจากฮ่องกง    เพราะอยากดูหนังที่มีบรรยายภาษาอังกฤษด้วย

608 yamjai - พี่มาก

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการออกค่าใช้จ่าย.. ชาวออสเตรเลียเขาไม่ทำกัน   เพราะชาวออสเตรเลียถึอหลัก “ต่างคนต่างจ่าย” ซึ่งก็น่าจะเป็นหลักการที่ยุติธรรมดี เพราะใครกินใครใช้เท่าไรก็ควรจ่ายเท่านั้น   แต่เจ้าหลักการ “ต่างคนต่างจ่าย” ดูเหมือนไม่มีชาติไหน รับว่าเป็นวัฒนธรรมตึ๋งหนืดของชาติตน แต่กลับไปโยนให้ชาติอื่น ๆ รับไป โดยเฉพาะชาติที่พวกเขาไม่ชอบ หรือเคยมีเรื่องบาดหมางในอดีต แต่ก็มีเรียกตามประเทศที่ไปพบเห็นมาเหมือนกัน

เป็นต้นว่าคนอังกฤษโยนพฤติกรรมนี้ไปให้กับชาวเนเธอแลนด์   ประเทศคู่สงครามเมื่อกว่า ๓๕๐ ปีที่ผ่านมา พอถึงเวลา “เช็ค (เดอะ) บิล” ก็จะเรียกว่า “Going Dutch” หรือ ” Dutch treat” ในความหมายของ “ต่างคนต่างจ่าย”       หากเป็นคนไทยก็โยนไปให้กับมหามิตรว่า “อเมริกันแชร์” เช่นเดียวกับคนในทวีปอเมริกาใต้หลายประเทศก็ใช้คำว่า “จ่ายแบบอเมริกัน”   ชาวตุริกีโยนความตึ๋งหนืดไปให้กับคนเยอรมันเป็น “เยอรมันแชร์”, ชาวอาร์เจนตินาโยนภาระนี้ย้อนกลับในในยุคกลางว่า “จ่ายอย่างชาวโรม”   แล้วคนอียิปต์โยนกลับไปให้คนอังกฤษเป็น “จ่ายอย่างอังกฤษ” ครับ

สำหรับคนไทย คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยจากภูมิลำเนาต่าง ๆ เราเคยชินกับวัฒนธรรมไม่แบ่งแยกกันจ่าย ในเวลาเข้าไปกินอาหารตามร้านอาหาร   ส่วนใหญ่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสด้วยอายุ หรือหน้าที่การงาน หรือผู้มากกว่าด้วยทุนทรัพย์รับเป็นเจ้ามือ   หรือถ้าเป็นข้าราชการก็จะเป็นหน้าที่ของพ่อค้าวาณิชรับหน้าที่เลี้ยงดูปูเสื่อครับ

พฤติกรรมเยี่ยงนี้เราจะไม่เห็นในออสเตรเลีย   เวลาชาวออสซี่นัดไปกินอาหาร พอกินเสร็จแล้ว ถึงเวลาจ่ายเงินก็ตัวใครตัวมัน ใครสั่งกินอะไรไปก็ต้องจ่ายตามที่สั่งกิน   เรื่องนี้เจ้าของร้านอาหารน่าจะรู้ดีกว่าผม   มิฉะนั้นบางร้านคงไม่เขียนป้ายตัวโตว่า “ไม่รับแยกบิล”

นักเรียนรุ่นเล็กทานอาหารค่ำที่ร้านคุณหมอน

นักเรียนรุ่นเล็กทานอาหารค่ำที่ร้านคุณหมอน

เมื่อหลายปีก่อน หลานชายคนรอง และหลานคู่แฝดถูกส่งมาเรียนภาษาอังกฤษในช่วงปิดเทอมใหญ่กับบริษัททัวร์   ผมได้โทรศัพท์เชิญครอบครัวที่รับเอาหลานคู่แฝดไปดูแลมารับประทานอาหารค่ำที่ร้านคุณหมอน ตอนนั้นร้านอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟคาร์รามาร์   เพื่อเป็นการตอบแทนที่เลี้ยงดูหลานแฝดของผมเป็นอย่างดีด้วยบะหมี่สำเร็จรูป “มาม่า” แทบทุกมื้อ ตามคำขอของหลานที่ทนกินสปาเก็ตตี้ทุกวันไม่ไหว   ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวตอบมาทันทีว่าพวกเขาไม่มีงบประมาณที่จะทำอย่างนั้นได้

ขออนุญาตหยุดพักขั้นเวลาสักหนึ่งย่อหน้าครับ…เพื่ออธิบายถึงการอยู่อย่างออสซี่   ครอบครัวชาวออสซี่โดยเฉลี่ยเขาจะควบคุมงบประมาณรายจ่ายของเขาอย่างลงตัว เพื่อให้อยู่รอดได้ในแต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน และแต่ละปี ต่างจากคนไทยโดยเฉลี่ย ที่ต้นเดือนถือเป็นวันเงินเดือนออก พอวันที่ ๕ ก็เป็นวันปลายเดือน เพราะใช้เงินหมดแล้ว   ที่เหลืออีก ๒๕ วันก็เที่ยวกู้หนี้ยืมสินต่อไป   คนออสเตรเลียไม่มีอะไรต้องอาย ที่จะบอกว่าไม่มีงบที่จะออกมาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วย

ขอกลับเข้าเรื่องต่อ พอผมบอกว่า ผมเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่าย เขาก็บอกว่า เขามีลูกอีกสองคน ผมก็บอกว่า ไม่มีปัญหาเพราะตั้งใจเชิญมาทั้งครอบครัว

ผมมาเจอปัญหาเดียวกัน ตอนเชิญแฟมิลี่ที่ดูแลหลานชายคนรอง   แล้วก็จบลงที่ผมเชิญทั้งครอบครัวเหมือนกัน   รวมถึงเด็กนักเรียนไทยอีกคนหนึ่งที่อยู่กับครอบครัวนี้

ทีนี้ข่าวกระจายไปถึงเด็กไทยที่มากลับทัวร์เดียวกันอีกประมาณเจ็ดแปดคนไม่อยากกินอาหารกับแฟมิลี่   ผมเลยเชิญเด็ก ๆ และครูที่บริษัททัวร์จ้างมาทำหน้าดูแลเด็ก แล้วก็เชิญคนขับรถมาด้วย   คนขับรถชื่ออัลลัน ผมได้ทำความรู้จักในช่วงที่เขาทำหน้าที่รับส่งเด็ก ๆ ตามบ้านแฟมิลีไปส่งโรงเรียน   คนนี้สำคัญเพราะจะต้องช่วยทำหน้าที่รับส่งเด็กเหล่านี้มาและกลับบ้านแฟมิลี่

อาหารค่ำมื้อนั้นจบลงด้วยทุกคนอิ่มหนำสำราญเป็นที่พอใจ ไม่มี bill-splitting    เพราะผมเป็นเจ้าภาพ   ตอนนั้นได้หน้าไปหลายนิ้ว   ด้วยเงินกงสีจากเมืองไทยครับ

 @@@@

 ระบบ “ต่างคนต่างจ่าย” ถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุชาวออสซี่ ในการเข้าไปใช้บริการในร้านอาหาร, คาเฟ่, โรงแรม หรือแม้ได้สิ่งก่อสร้างที่ใช้ร่วมกันเช่นรั้วบ้าน

เมื่อไม่นานมานี้เจ้าของร้านอาหารไทยในย่านบาวล์เมนเกิดปัญหาท่อระบายน้ำเสีย เจ้าของร้านผู้นี้เป็นสถาปนิกมีใบรับอนุญาตด้วย   จึงทำการซ่อมท่อระบายน้ำเอง   เขาได้ขอให้เจ้าของร้านอาหารเกาหลีที่อยู่ติดกันและใช้ท่อระบายน้ำร่วมกัน   ช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม   แต่เจ้าของร้านอาหารเกาหลีปฏิเสธ โดยอ้างว่าเขาไม่ได้ใช้   เจ้าของร้านอาหารไทยจึงซ่อมเฉพาะส่วนของเขา   แล้วปิดท่อน้ำเสีย    ที่นี้ความเดือดร้อนก็ย้อนมาสู่ร้านอาหารเกาหลีจอมเขี้ยว ทางระบายน้ำอุดตัน จนน้ำเอ่อเข้าร้าน   ต้องไปจ้างช่างมาซ่อม   เสียเงินมากกว่าอีกหลายเท่าตัวครับ

ท่านผู้อ่านจะเชื่อไหมครับว่า คนออสเตรเลียรุ่นใหม่   การคำนวณบวก-ลบ-คูณ-หารของพวกเขาอ่อนมาก ผิดกับรุ่นปู่ย่าตายาย ผู้เฒ่าเหล่านี้คิดเลขในใจเร็วระดับน้อง ๆ เครื่องคิดเลข

แต่ก็มีข้อยกเว้น คนรุ่นใหม่พอถึงเวลาคำนวณ แบ่งแยกค่าใช้จ่ายตามบิลเก็บเงินค่าอาหาร   พวกเขาชำนาญมาก สามารถแยกแยะออกมาได้ว่าใครกินเข้าไปกี่จานกี่ชิ้น   ชนิดชาติอื่นเทียบไม่ได้

อันนี้เหมือนกับคนไทยคนหนึ่งที่ในอดีตเคยทำงานเข็นของส่งตามร้านขายของชำใน ย่านแคบรามัตตา   ตอนนี้ไม่ทราบว่ายังอยู่ในออสเตรเลียหรือไม่   เขาผู้นี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่มีความสามารถติดต่อเพื่อใช้บริการของร้านรับพนัน TAB และฟังบรรยายม้าแข่งรู้เรื่องอย่างน่าอัศจรรย์   ผมเองยังฟังไม่ออกเลยครับ

ถ่ายรูปหมู่หลังรับประทานอาหารค่ำ

ถ่ายรูปหมู่หลังรับประทานอาหารค่ำ

ก่อนจบตอนนี้ ผมมีเรื่อง “ต่างคนต่างจ่าย” ของชาวออสซี่ที่ค้นได้จากอินเทอร์เน็ตเรื่องหนึ่ง   ขออนุญาตแปลแล้วต่อเติมเสริมแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่าเรื่อง… เรื่องนี้มีอยู่ว่า

“เพื่อนรัก ๖ คนได้นัดพบกัน และตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในย่านนิวทาวน์   การพบปะสังสรรค์คืนนั้นจบลงด้วยดี บรรยากาศสวยงาม อาหารอร่อย และราคาย่อมเยาว์ แล้วในที่สุดบิลเรียกเก็บเงินก็ถูกแนบแฟ้มใส่ถาดเงินใบเล็กมาวางที่โต๊ะ

บิลเก็บเงินได้ถูกส่งผ่านไปให้ทุกคนได้ศึกษา ทบทวนความทรงจำ   แล้วส่งให้ผู้ทำหน้าที่ชี้ขาด ตอนนี้ทุกคนไม่มีใครพูดคุยกัน ทุกคนเฝ้าคอยคำตอบ ในที่สุดก็ออกมา

 ‘คนละ ๑๘ เหรียญ’

 ขอฟันธงตรงนี้ได้เลยว่าบริกรสาวสวยประจำร้านจะยังไม่ได้รับการลงขันจ่ายเงินจำนวนนั้นจากทุกคน เนื่องจากจะต้องมีการคัดค้านเกิดขึ้น   แล้วก็เป็นจริง

 ‘ฉันไม่ได้กินทอดมัน’

 ‘แต่เธอกินน้ำแร่นะ’

 ‘ผมกินหมูไม่ได้ แน่นอนผมไม่ได้แตะเจ้าลาบจานนั้น’

 ‘ฉันกินผัดไทยของฉันแค่ครึ่งเดียว’

 ‘แต่ผมเห็นคุณกิน ส้มตำปูนะ’

 ‘ผมไม่ได้สั่งปลาดุกฟูแน่นอน’

หลังจากถกเถียงกันพอหอมปากหอมคอจนได้ข้อสรุป ทุกคนเอาเงินส่วนที่ได้กินออกมาว่างบนถาด  ผู้ทำหน้าที่ตัวแทนนับเงิน เสร็จแล้วพูดว่า

 ‘ขาดไป ๔ เหรียญ’

  ‘ไม่ใช่ฉันแน่’

  ‘ไม่ใช่ผมเช่นกัน’

 ‘ผมก็เปล่า’

  ‘ฉันให้แบ๊งก์ ๒๐ ยังไม่ได้ทอนเลย’

 ความเงียบเกิดขึ้นอีก ๘ วินาที ก่อนที่ผู้ทำหน้าที่ตัวแทนเอ่ยขึ้น

 ‘เราต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ ๘๐ เซนต์’

 ทุกคนเอาเงินออกมาจ่ายเพิ่มเติม ก่อนจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย   โดยไม่ทิ้งค่าทิปไว้แม้แต่เซนต์เดียว.!.”



Categories: บทความ ตามใจฉัน

Tags: , , , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: