อยู่อย่างออสซี่ – หนาวเนื้อหม่ผ้าก็หายหนาว

608 Tamjai 02

ตามใจฉัน “เดอะแลนด์ลอร์ด” ตอน ๑๕ / ตอนอยู่อย่างออสเตรเลีย ตอน ๒ เป็นตอนที่ ๖๐๘ ของไม้ซีกขีด เขึยนลงในหนังสือพิมพ์ไทยออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘ วันที่ ๕ ถึง ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ส่วนหลัง ซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับผู้กำลังจะเดินทางไปอยู่ในประเทศที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เหมือนอย่างออสเตรเลียในขณะนี้ เนื้อหามีดังนี้ครับ

หนาวเนื้อหม่ผ้าก็หายหนาว

เรื่องราวตามใจฉันที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘ หน้าที่สอง

เรื่องราวตามใจฉันที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์ฉบับที่ ๖๐๘ หน้าที่สอง

ออสเตรเลียตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง   อากาศบางวันเย็นยะเยือกราวกับหน้าหนาว ญาติ ๆ ที่เมืองไทยบอกว่าที่นั่นอากาศ “ร้อนจนตับแตก” เดี๋ยวนี้ในกรุงเทพฯแทบจะไม่มีบ้านหลังไหนใช้ตับจากมุงหลังคากันแล้ว เห็นที่ควรเปลี่ยนมาใช้ “ร้อนจนกระเบื้องแตก” แทนน่าจะเหมาะกว่า

อยู่อย่างออสซี่..ผมขออนุญาตพูดถึงการรับมือกับอากาศร้อนและอากาศหนาวในออสเตรเลีย จากประสบการณ์ดูแลหลาน ๆ และลูกบ้านในฐานะเดอะแลนด์ลอร์ด

เมื่อครั้งที่หลานสาวสุดที่รัก (ผมมักเรียกเธออย่างนี้) ตกลงแน่แล้วว่าจะมาเรียนต่อที่ออสเตรเลีย พี่สาวของผมซึ่งเป็นบิ๊กบอสของครอบครัว บอกให้ผมติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้รอรับ เพราะหลานสาวชินกับการนอนเปิดแอร์   ถ้าไม่เปิดเป็นนอนไม่หลับ

ส่วนผมนั้น ตั้งใจแล้วว่าอย่างไรเสียก็จะไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพราะอยู่บ้านหลังนี้มาสิบกว่าปีก็อยู่ได้อย่างสบายมาก   ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนขี้ร้อน แต่ผมก็ไม่เคยมีปัญหากับอากาศร้อนในซิดนีย์   แม้ในฤดูร้อนบางวันอุณหภูมิจะสูงถึงเกือบ ๔๐ องศาเซลเซียสก็ตาม   การรับมือกับอากาศหนาวหรือร้อนมันขึ้นอยู่กับใจและวิธีการครับ

 @@@@

คนไทยหลายคน มาออสเตรเลียเจออากาศหนาว   หลายคนคิดหาทางออกแบบง่าย ๆ คือเปิดฮีตเตอร์ก็หายหนาว แล้วก็กลายเป็นทาสของฮีตเตอร์   เจออากาศหนาวก็ทนไม่ได้เป็นต้องเปิดฮีตเตอร์

หัวข้อนี้น่าจะเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งสำหรับคนไทยที่จะไปอยู่ในประเทศที่มีอากาศหนาว   ที่ผมใช้สำเร็จมากับตัวเองและหลาน ๆ

ผมจะบอกหลาน ๆ ว่า ลองทนกับอากาศหนาวดูก่อน ถ้ารู้สึกหนาวก็เอาเสื้อกันหนาวมาใส่ให้อุ่น     เวลานอนก็ห่มผ้านวมหนา ๆ คลุม   แต่ถ้าทนไม่ได้ ก็เปิดฮีตเตอร์ เพราะทุกห้องมีจัดไว้พร้อมอยู่แล้ว

หลานผมทั้งสี่คน กับว่าที่หลานสะใภ้ และหลานที่มาจากลูกพี่ลูกน้องอีกสองสามคนที่เคยมาอยู่ในความดูแลของผม   ทุกคนอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งฮีตเตอร์   ทุกคนกลับรู้สึกอึดอัด เนื้อตัวแห้ง คัน และพาลไม่สบายเอาเมื่อเข้าไปอยู่ในห้องที่เปิดฮีตเตอร์   นอกจากนี้พวกเขายังได้เปรียบกว่าทุกคนยามออกนอกบ้านไปไหนมาไหน   เพราะสามารถรับมือกับความหนาวเย็นได้ดีกว่าคนที่ต้องพึ่งฮีตเตอร์

การไม่พึ่งฮีตเตอร์ยังช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในซิดนีย์ที่มีอัตราสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก   เป็นคนดีของโลกต่อการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และลดอันตรายจากอุบัติเหตุไฟไหม้อีกด้วย

ผมเคยมีลูกบ้านคนไทยคนหนึ่ง เธอเป็นคนขี้หนาวเลยลากฮีตเตอร์เขาไปติดเตียงนอน   ขณะหลับเกิดสะบัดผ้านวมคลุมฮีตเตอร์โดยไม่รู้ตัว   จนเกิดไฟไหม้ผ้านวม   ดีที่มาเรียช่วยปลุกให้เธอตื่นขึ้นทัน   มิฉะนั้นอาจจะมีโศกนาฎกรรมเกิดขึ้น

และผมก็ถือเป็นแลนด์ลอร์ดที่โชคดี ที่ระยะหลัง ๆ มีลูกบ้านไม่นิยมใช้ฮีตเตอร์กันแทบทุกคน ทั้งที่ผมไม่เคยแนะนำให้ลองอยู่โดยไม่ใช้ฮิตเตอร์อย่างที่แนะนำหลาน ๆ       “ไอ้น่ารัก” สาวชาวจีนที่อยู่กับผมมาหกปี ก็ไม่ใช้ฮีตเตอร์,     “ไอ้แห้งสอง” สาวเปอร์เซียนักศึกษาเภสัชศาสตร์ซึ่งมาเป็นลูกบ้านในช่วงสั้น ๆ ของฤดูหนาวปีที่ผ่านมาก็ไม่ใช้ฮีตเตอร์     “ไอ้เสงียม” สาวชาวจีนที่มาเรียนในช่วงปี ๒๐๐๙ ถึง ๒๐๑๐ ใช้ฮีตเตอร์เพียงเปิดให้ห้องอุ่นประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน เพราะไอ้เหงี่ยมเธอเป็นสาวเจ้าสำอางกลัวผิวขาวนวลจะเสีย   แล้วก็ไอ้คานะจังสาวชาวญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างปี ๒๐๐๘ ถึงปี ๒๐๑๑ ใช้ฮีตเตอร์นิดหน่อย   ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพผิวเช่นเดียวกับไอ้เหงี่ยม

(เนื้อหาตอนนี้จิงโจ้นิวขอตัดออก เป็นการเอ่ยถึงบุคคลที่สาม หากผู้ถูกพาดพิงได้อ่านจะทราบทันทีว่า เป็นผู้ถูกพาดพิง)

สำหรับผมแล้วเรื่องไฟฟ้า แก๊ส น้ำประปา ผมไม่ขี้เหนียว   ใครอยากใช้ก็ใช้ได้เต็มที่   แต่ก็อยากสอนให้พวกเขารู้จักหลักการอยู่อย่างพอเพียง   เงินค่าเช่าที่ผมเก็บจากลูกบ้าน ผมเอามาใส่กระป๋อง แล้วเอาเงินส่วนนี้มาจับจ่ายซื้ออาหารมาทำให้พวกเขากินกัน   หากเหลือก็พาไปกินของอร่อยตามร้านอาหารต่าง ๆ   ถ้าเหลือมากก็จัดไปเที่ยว หรือไม่ก็คืนกำไรกลับไปให้คนที่สมควรได้รับ   ด้วยการให้อยู่ฟรีเป็นสัปดาห์ ๆ ไป ซึ่งไอ้น่ารักจะได้โบนัสบ่อย ๆ เป็นการตอบแทนจากการช่วยประหยัดรายจ่าย และช่วยรักษาสภาพแวดล้อมของโลก   ส่วนใครใช้ทรัพยากรสุรุ่ยสุร่าย ผลตอบแทนก็จะไม่มี เพราะได้ใช้เกินคุ้มไปแล้วครับ

@@@@

608Tamjai-ฉนวนกันความร้อนภาพแสดงในขณะที่อุณหภูมิภายนอก ๓๘ องศา บ้านที่ติดตั้งฉนวนกันความร้อน ภายในตัวบ้านจะมีอุณหภูมิ ๒๔ องศา แต่บ้านที่ไม่ติดตั้งจะมีอุณหภูมิ ๓๖ องศา 

 608Tamjai-บ้านสมบูรณ์แบบภาพบ้านที่ติดตั้งฉนวนกันความร้อนอย่างดี ในฤดูร้อนภายนอกอุณหภูมิ ๓๕ องศาขึ้นไป หรือฤดูหนาว   ภายนอกอุณหภูมิติดลบ ๕ องศา แต่ภายในคงอุณหภูมิที่ ๒๑ องศา 

 เรื่องเครื่องปรับอากาศที่ถูกขอให้ติดตั้งให้หลานสาวก็เหมือนกัน เป็นเรื่องผู้ปกครองที่เมืองไทยเกิดวิตกจริตไปเอง หลานสาวสุดที่รักของผม ไม่บ่นใด ๆ เธอสามารถนอนหลับปุ๋ย   ในห้องที่ไม่มีแอร์ หากร้อนเธอก็เปิดพัดลมนอนเท่านั้น

ก่อนที่เธอจะมาเรียน   ผมมีแผนที่จะดัดนิสัยคุณหนูของหลานสาว ตามเสียงร่ำลือ   แต่ก็ผิดคาด สรุปได้ว่าผู้ใหญ่ทำให้เด็กเป็นอย่างนั้นไปเอง     ที่ซิดนีย์หลานสาวของผมกินอยู่ง่าย ไม่เรื่องมากในเรื่องอาหารการกิน   ผิดกับหลานชายคนรองและว่าที่หลานสะใภ้ที่เลือกกินและปฏิเสธไม่กินอาหารซ้ำมือ     เธอไปเรียนหนังสือเอง   โดยผมไม่ต้องคอยขับรถไปรับไปส่ง อยู่บ้านก็ช่วยทำความสะอาดบ้าน รวมถึงทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งก่อนมาเธอบอกว่าไม่ขอทำ แต่เมื่อมาถึงเห็นทุกคนทำได้   เธอก็ต้องทำได้     แถมยังไปทำงานร้านอาหารไทย เอาประสบการณ์ไปอวดเพื่อน ๆ อีกด้วย

อยู่อย่างออสเตรเลีย เราสามารถอยู่อย่างสบายในฤดูร้อนโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศให้เกิดมลพิษต่อโลก   อย่างบ้านผมเป็นบ้านอิฐคู่ ผมติดตั้งตัวระบายอากาศบนหลังคา มันได้ช่วยระบายความร้อนภายในบ้านออกไป   ผมติดตั้งฉนวนกันความร้อนชนิดคุณภาพดี     ในเวลากลางวันที่มีอุณหภูมิภายนอกสูงระดับ ๔๐ องศา   หากปิดประตูหน้าต่าง   ภายในบ้านร้อนที่สุดจะไม่เกิน ๒๘ องศา การเปิดพัดลมจะช่วยผ่อนคลายความร้อนลง     พอตกกลางคืนก็เปิดประตูหน้าต่าง เพื่อให้ลมพัดเอาความเย็นข้ามา

แต่โดยเฉลี่ยยามหน้าร้อน อุณหภูมิภายในบ้านของผมจะตกราว ๒๒ ถึง ๒๔ องศา ถือว่าไม่ร้อนมาก และอาจกำลังพอดีเสียอีกสำหรับคนไทยส่วนใหญ่   แต่สำหรับผมคนขี้ร้อน อุณหภูมิขนาดนี้   ผมยังต้องพึ่งพัดลม..ระดับความแรงอ่อน ๆ   แค่นี้ก็อยู่อย่างสบายในหน้าร้อน โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ…….พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ



Categories: บทความ ตามใจฉัน

Tags: , ,

Leave a Reply

%d bloggers like this: