นาย Milad Bin Ahmad Shah al Ahmadzi คด่ขู่ปาดคอปรากฎในนสพ. Telegraph ฉบับ 29 พ.ค. 2013
24 พ.ค. 2014 ชายชาวมุสลิมที่ขู่ขจะปาดคอเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองออสเตรเลียเมื่อหนึ่งปีก่อน ยังแสดงท่าโอหังด้วยการปฏิเสธไม่ยืนเคารพผู้พิพากษา
เมื่อวานนี้ที่ 23 พฤษภาคมนาย Milad Bin Ahmad Shah al Ahmadzi วัย 24 ปีได้ปฏิเสธที่จะยืนเคารพผู้พิพากษา ในการพิจารณาคดีที่เขายอมรับสารภาพผิดต่อการข่มขู่ทำร้ายร่างกายขั้นร้ายแรงต่อเจ้าหน้าที่ของเครือรัฐออสเตรเลีย และใช้สื่อในการก่อกวนและข่มขู่เอาชีวิต
นาย Nick Hanna เนติบัณฑิตของนาย al Ahmadzi อ้างเหตุที่ลูกความของเขาไม่ยืนเคารพผู้พิพากษาเพราะขัดต่อความเชื่อทางศาสนา แต่เมื่อผู้พิพากษา Ian McClintock แห่งศาลแขวงรัฐน.ซ.ว.ถามกลับไปว่าหลักศาสนาอะไร เล่นเอานาย McClintock จำต้องสงบปาก เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้น ทำให้มีผู้นำชุมชนมุสลิมลัทธิต่างๆ ออกมายืนยันว่าไม่มีข้อห้ามดังกล่าวในหลักของศาสนาอิสลาม
ผู้พิพากษา McClintock กล่าวว่า “มันเป็นสิ่งประจักษ์แจ้งที่ว่า ถ้ามันไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะยืนเคารพในศาล มันก็ไม่ถือว่าเป็นการล่วงล้ำที่ไม่หมิ่นต่อศาลใด ๆ”
ในขณะที่นาง Karen Leavy อัยการแห่งเครือรัฐฯผู้ทำหน้าที่เนติบัณฑิตฝ่ายโจทก์กล่าวว่า แท้จริงแล้วการกระทำดังกล่าวถือว่าขาดความเคารพต่อศาลในระดับรุนแรง
ผู้พิพากษา McClintock มิได้สั่งให้จำเลยยืนขึ้น แต่กล่าวว่าเธอจะบันทึกโน้ตกรณีนี้ไว้
ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา นาย al Ahmadzi ได้ยอมรับสารภาพผิดต่อการข่มขู่เจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยการโทรศัพท์ในเดือนพฤษภาคม 2013 ว่า “ฉันจะบีบลูกกระเดือกแกให้แตก” และ “ถ้าแกมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านฉันอีก ฉันจะเฉือนคอแกไอ้หมูระยำ”
นาย al Ahmadzi ถูกติดตามความเคลื่อนไหวโดยมีงามร่วมมือต่อต้านการก่อการร้าย (JCTT) มานับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2009 หลังจากเขาถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อการร้า
เขาเป็นหนึ่งในขบวนการปล้น ATM เพื่อนำเงินไปช่วยองค์การก่อการร้าย ซึ่งเขาเคยถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี 6 เดือน จากความผิดคดีขโมยตู้ ATM โดยวิธี ram-raid (ขับรถพุ่งชนกำแพงติดตั้งตู้ ATM และใช้รถอีกคันบรรทุกตู้หลบหนี) ในปี 2011
นอกจากนั้นเขายังถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าชายคนหนึ่งที่ย่าน Rydalmere ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2013
สำหรับการตัดสินโทษในคดีคขู่ฆ่าปาดคอ ผู้พิพากษากำหนดให้จำเลยมารับฟังโทษในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply