3 เม.ย. 2014 ผู้ที่ลดความอ้วนด้วยการไม่กินเนื้อ และผู้รับประทานแต่อาหารมังสวิรัติอย่างเดียว ถูกนักวิจัยพบว่า เป็นกลุ่มที่มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ด้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ นอกจากนั้นยังด้อยกว่าในด้านความสัมพันธ์ทางสิ่งแวดล้อมและทางสังคมอีกด้วย
ผลการวิจัยด้วยการติดตามผู้อยู่ในวัย 20 ปีขึ้นไปจำนวนกว่า 1,300 คน ของสถาบัน Institute for Social Medicine and Epidemiology อันเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของโลกในด้านการโภชณาการ ตั้งอยู่ในเมืองกราซประเทศออสเตรีย พบว่าผู้ไม่กินเนื้อสัตว์เลย มีอัตราเข้าพบแพทย์ที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะในด้านโรคภูมิแพ้และอาการทางจิตเช่น มีอาการวิตกกังวล
ศจ. Nathalie Burkert หัวหน้าทีมวิจัยยังกล่าวว่า ผู้กินมังสวิรัติที่ร่วมทำการวิจัยยังพบว่ามีอัตราการเป็นมะเร็งสูงกว่า กลุ่มอื่น ๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามนาย Mark Berriman ประธานสมาคมผู้กินมังสวิรัติแห่งออสเตรเลียออกมาโต้แย้งว่า ผลการศึกษาดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงถิ่นฐานของผู้กินมังสวิรัติ เพราะคนในยุโรปบริโภคผักที่แตกต่างจากคนในออสเตรเลีย ที่มีความหลายหลากในอาหารมังสวิรัติมากกว่า
เขากล่าวว่า ผลการวิจัยทางสุขภาพในออสเตรียเช่นกันปี 2006-07 พบว่ากลุ่มผู้มีสุขภาพดีอยู่ในกลุ่มผู้หญิงและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งเขาเชื่อว่า หากมีการทำวิจัยจำนวน 100 ครั้ง ผลที่ออกมาก็อาจจะไม่เหมือนกัน
นาย Berriman เชื่อว่า โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนที่หันมาสนใจรับประทานมังสวิรัติก็เพื่อต้องการให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้น แต่จะดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการเลือกอาหารที่มารับประทานของบุคคลนั้น ๆ บางคนอาจจะมีสุขภาพแย่ลง หากรับประทานอาหารพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูงเกินกว่าร่างกายต้องการ
ในขณะที่นาง Julie Gilbert แห่งสมาคมนักโภชณาการแห่งออสเตรเลีย (DAA) กล่าวว่า ในปัจจุบันมนุษย์สามารถหาสารอาหารทนแทนทุกชนิดจากพืชและผักได้ อย่างเช่นโปรตีนซึ่งมีอุดมในเนื้อสัตว์ ก็สามารถหาได้จากพืช แต่ก็มีสารอาหารบางอย่างเป็นต้นว่าวิตามิน B12 ที่ให้พลังงานที่สำคัญ ยังไม่สามารถหาได้จากพืช จะพบได้เฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น
เธอกล่าวย้ำว่า เมื่อจะเปลี่ยมมาเป็นผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติ จะต้องรู้ถึงหลักของการโภชณาการว่า เราจะได้รับสารอาหารจากผักชนิดใดบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากที่สุด
(ท่านสามารถติดตามอ่านข่าวออสเตรเลียรายวันได้ที่ jingjonews.com)
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply