5 เม.ย. 2014 เจ้าหน้าที่กระทรวงการเข้าเมืองออกมายอมรับว่า พวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะป้องกันแก๊งลักลอบนำหญิงสาวชาวต่างชาติมาเป็นทาสค้าประเวณี โดยอาศัยช่องโหว่ของวีซ่านักเรียน เนื่องจากการออกกฎหมายปิดช่องโหว่ดังกล่าวอาจกระทบต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของคนหมู่มากในการขออุทธรณ์
จากการตรวจพบว่ามีสตรีจากเอเชียจำนวนไม่น้อยที่ถูกกระบวนการค้ามนุษย์ล่อลวงหรือเต็มใจมาเป็นทาสค้าประเวณีตามซ่องผิดกฎหมายต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยผ่านการใช้ช่องโหว่ของวีซ่านักเรียน
เส้นทางที่หนึ่งที่แก๊งค้ามนุษย์ใช้ก็คือนำหญิงสาวจากประเทศต่าง ๆ (สื่อส่วนใหญ่ระบุสองประเทศคือจากไทยและฮ่องกง) โดยวีซ่านักท่องเที่ยว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาพบกับตัวแทนของซ่องโสเภณี ผู้ซึ่งต่อไปจะทำหน้าที่ยื่นขอสมัครเรียนภาษาในนามของหญิงสาวเหล่านั้น ซึ่งร้อยทั้งร้อยจะถูกปฏิเสธวีซ่า
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จ ตัวแทนก็จะยื่นอุทธรณ์ ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าจะต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องภายใน 2 ปี ก่อนที่จะถูกปฎิเสธอีกครั้ง ในช่วงนี้หญิงสาวก็จะถูกนำไปสู่ในมือของแก๊งใต้ดินพาตัวไปเป็นโสเภณีตามซ่องทั่วประเทศอย่างผิดกฎหมาย เพื่อบริการความสุขแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานผู้อพยพจากเอเชีย ด้วยค่าบริการที่ถูกกว่าซ่องถูกกฎหมาย
กลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรีได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางแก้กฎหมายเพื่อปิดช่องโหว่นี้ แต่นาย Scott Robinson ร.มว.การเข้าเมืองได้ออกมาปฏิเสธที่จะแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว โดยอ้างว่ามันจะเป็นการลงโทษคนส่วนใหญ่อีกหลายหมื่นคน จะเสียสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ไปด้วย
นาย Morrison กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามรัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกวิถีทางในการควานหาตัวและกวาดล้างอาชญากรเหล่านี้
ในขณะเดียวกันร.มว.การเข้าเมืองก็ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ด้วยงบประมาณที่ได้รับอย่างจำกัด ในภาวะที่รัฐบาลต้องรัดเข็มขัด อาจทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความยากลำบากบ้าง แต่ก็จะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
หนึ่งในซ่องโสเภณีต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้มีสื่อในออสเตรเลียเสนอรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมของการค้าทาสโสเภณีต่างชาติ เช่นเดอะซิดนีย์มอร์นิงเฮเริล์ดได้เปิดเผยซ่องโซเภณีในย่าน Blacktown 2 แห่งและสถานอาบอบนวดในซิดนีย์ตอนใต้อีก 1 แห่ง ได้กักกันเสรีภาพของหญิงสาวจากเอเชียให้อยู่กินและรับแขกภายในซ่อง
แหล่งข่าวอีกหลายแห่งกล่าวว่า เจ้าของซ่องได้ให้ยาไอซ์ให้หญิงสาวเหล่านี้เสพ เพื่อให้สามารถทำงานรับแขกได้มากชั่วโมง หลายคนถูกบังคับให้ทำงานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน
อย่างไรก็ตามการจับตัวผู้ร่วมในกระบวนการค้าทาสโสเภณีมีความยากลำบาก เนื่องจากผู้ประกอบการรู้ทางหนีที่ไล่ ในขณะที่พยานคือเหยื่อ มีอุปสรรคที่ไม่สามารถพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษได้ หลายคนไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากเกรงกลัวว่า หากให้ความร่วมมือเธอและญาติในประเทศบ้านเกิดอาจได้รับอันตราย ตามที่แก๊งอาชญากรข่มขู่ไว้
สื่อยังยกตัวอย่างผู้ต้องหารายที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินคดีก็คือนาย Song Es ชายเชื้อชาติจีน-เขมรวัย 42 ปีเจ้าของซ่อง Diamonds 4 Ever ในย่าน Gildford ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์ เขาถูกจับในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ขณะนี้เขาอยู่ในระหว่างอุทธรณ์คดีหลังจากศาลชั้นต้นตัดสินว่าเขามีความผิดต่อการค้าทาสกามโดยมีหญิงสาวจากเอเชียเป็นสินค้า
(ท่านสามารถติดตามอ่านข่าวคราวในออสเตรเลียได้ที่ jingjonews.com)
Categories: ข่าวออสเตรเลีย
Leave a Reply